ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 295
เหตุนั้นจึงชื่อว่า สันทิฏฐะ เพราะว่าโลกุตตรธรรม เมื่อบุคคลเห็นอยู่
ด้วยอำนาจภาวนาภิสมัย (รู้โดยทำให้มีขึ้น ) และด้วยอำนาจสัจฉิ
กิริยาภิสมัย (รู้โดยทำให้แจ้ง ) นั่นแล จึงยังวัฏฏภัย (ภัยคือวัฏฏะ)
ให้กลับได้ เพราะเหตุนั้น โลกุตตรธรรมนั้นจึงชื่อ สันทิฏฐิกะ เพราะ
ควรซึ่งสันทิฏฐะ (การเห็น ) เปรียบเหมือนคนที่ได้ชื่อว่า วัตถิกะ
เพราะความซึ่งวัตถะ (ผ้า) ฉะนั้น
[แก้บท อกาลิโก]
(นัยที่ ๑ แปลว่า ไม่มีกาล)
ธรรมนั้น มุ่งการให้ผล หามีกาลไม่ เพราะเหตุนั้น
จึงชื่อว่าอกาโล อกาลิโก ก็ อกาโล นั่นเอง มีอธิบายว่า" ธรรมนั้น
หาได้รอกาลอันต่างโดยการกำหนดมีปัญจาหะ (๕ วัน ) และสัปดาหะ
(๗ วัน ) เป็นต้นให้ผลไม่ แต่ย่อมให้ผลติดต่อกันไปกับความเป็นไป
ของตนทีเดียว "
( นัยที่ ๒ แปลว่า " มิใช่ธรรมมีกาล " )
นัยหนึ่ง กาลในอันให้ผลแห่งธรรมนั้น ยังไกลที่จะถึง
๑. มหาฎีกาว่า ที่เห็นโดยภาวนาภิสมัย หมายถึงมรรค ที่เห็นโดยสัจฉิกิริยาภิสมัย หมาย
ถึงนิพพาน และยังว่าแม้ผลเบื้องต่ำก็กล่าวได้ว่า " เมื่อบุคคลเห็นอยู่ ย่อมยังวัฏฏภัย
ให้กลับได้ " โดยอ้อม เพราะผลเบื้องต่ำนั้นเป็นอุปนิสัยแห่งการบรรลุมรรคเบื้องสูง โดย
เป็นปัจจัยแห่งวิปัสสนาเพื่อสกทาคามิผลเป็นต้น
๒. วัตถุกะ หมายถึงเด็กโต ซึ่งจะเปลือยร่างต่อไปไม่น่าดู ควรจะใช้ผ้าปกปิดร่างกาย
แล้ว เช่นนั้นกระมัง ? ท่านชักมากล่าวเพื่อเปรียบเทียบศัพท์เท่านั้น ว่า สันทิฏฐิกะ มี
ทางจะแปลว่า "ควรซึ่งการเห็น" ได้ มีศัพท์เทียบคือ วัตถุกะ แปลว่า "ผู้ควรซึ่งผ้า"
๓. หมายความว่าให้ผลในเวลาอื่น