ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ -
หน้าที่ 12
ครอบงำบุคคลผู้ได้ปฐมฌาน ปัญญา ( ในปฐมฌานนั้น) ก็เป็น
หานภาคินี (ไปข้างเสื่อม ) สติอันเป็นสภาพควรแก่ปฐมฌานนั้นหยุดอยู่
ปัญญาก็เป็นฐิติภาคินี (ไปข้างทรงตัว) สัญญาและมนสิการที่สหรคต
ด้วยความไม่มีวิตกเกิดขึ้น (ดำเนินไป) ปัญญาก็เป็นวิเสสภาคินี
( ไปข้างวิเศษขึ้น ) สัญญาและมนสิการอันสหรคตด้วยนิพพิทาใกล้ต่อ
วิราคะ ผุดขึ้น (เป็นไป) ปัญญาก็เป็นนิพเพธภาคินี (ไปข้างรู้แจ้ง
แทงตลอด) ดังนี้ แม้สมาธิอันสัมปยุตด้วยปัญญานั้นก็เป็นสมาธิ 4
(อีกนัยหนึ่ง) อย่างนี้แล สมาธิเป็น ๔ โดยจำแนกตามฝ่าย มีหาน
ภาคิยสมาธิเป็นต้น
(จตุกกะที่ ๕ ]
สมาธิ ๔ อย่างนี้ คือ สมาธิเป็นกามาวจร สมาธิเป็นรูปาวจร
สมาธิเป็นอรูปาวจร สมาธิเป็นอปริยาปันนะ (ไม่เนื่องด้วยภูมิทั้ง ๓ นั้น
คือเป็นโลกุตตระ) ในสมาธิ 4 นั้น เอกัคคตาชั้นอุปจารทั้งปวง
จัดเป็นกามาวจรสมาธิ เอกัคคตาแห่งกุศลจิตมีรูปาวจรจิตเป็นอาทิ
จัดเป็นสมาธิ ๓ นอกนี้ อย่างนี้แล สมาธิเป็น ๔ โดยจำแนกตามภูมิ
มีกามาวจรสมาธิเป็นต้น
(จตุกกะที่ ๖]
ถ้าภิกษุทำฉันทะให้เป็นใหญ่ ได้สมาธิ ได้ความที่จิตมีอารมณ์
คือว่าเข้าถึงทุติยฌาน ปัญจกนัย
ด.
๒. อภิ, วิ. ๔๑๕