ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 272
ทั้งหลายไปด้วยวิธีละม่อมบ้าง ... ด้วยวิธีหยาบบ้าง ... ด้วยวิธีทั้งละม่อม
ทั้งหยาบ ( ระคนกัน ) บ้าง "" ดังนี้เป็นต้นบัณฑิตพึง (นำมากล่าว )
ให้พิสดารอีกประการหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อตรัสบอกคุณวิเสส
( ที่ยิ่งขึ้นไป ) มีปฐมฌานเป็นต้น แก่การกบุคคลทั้งหลายมีบุคคลผู้มี
ศีลหมดจดแล้วเป็นอาทิ และตรัสบอกมรรคปฏิปทาอันยิ่งขึ้นไปแก่
อริยบุคคลทั้งหลาย มีพระโสดาบันเป็นต้น ก็ชื่อว่าทรงฝึกผู้ที่ได้ฝึกแล้ว
ด้วยแท้
[แก้อรรถบท อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถ รวมกัน]
อีกนัยหนึ่ง สองบทว่า อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถ นี้ เป็นอรรถบท
( บทแสดงความ ) อันเดียวกัน เพราะพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงขับบุรุษ
ที่พึงฝึกทั้งหลายได้ อย่างที่เขาทั้งหลายนั่งขัดสมาธิอยู่แห่งเดียวนั่น
แหละ (แต่ )แล่นไปได้ทั้ง ๘ ทิศ ไม่ติดขัด เพราะเหตุนั้น บัณฑิต
จึงถวายพระนามว่า อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถ - ผู้ขับบุรุษที่พึงฝึกได้
ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า อนึ่ง ในความข้อนี้ พระสูตรนี้ ( ที่ตรัส) ว่า "
ภิกษุทั้งหลาย ช้างที่พึงฝึกอันผู้ฝึกช้างขับแล้ว ย่อมแล่นไปได้แต่
ด.
เกสีสูตร จตุกังคุตตระ ๒๑/๑๕๑
ดูกร
๒. ดังนี้ เป็นอันว่า ผู้ที่ยังไม่ได้ฝึกแต่ควรแก่การฝึกก็ดี ผู้ที่ได้ฝึกแล้ว แต่ยังไม่
ถึงที่สุดก็ดี เป็นปุริสทมุมะ ทั้งนั้น
๓.
- มหาฎีกาว่าทิศ 4 หมายเอาสมาบัติ ๘ แล้วก็อธิบายว่า สมาบัติ ๘ นั้น แม้เนื่องกัน
แต่แยกชี้ได้เป็นอย่าง ๆ ไม่ปนกัน เพราะฉะนั้น จึงเป็นทิศ หรือเหมือนทิศ อันที่จริง
ที่ว่า ๘ ทิศ ก็เป็นเพียงนิทัศนะ แต่ว่าปุริสทมุมะที่ทรงขับแล้ว อาจแล่นไปถึงทิศนิโรธ
สมาบัติและทิศอมตะ ที่โลกิยชน ไม่เคยไปเลยก็ได้