ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 257
ทำลายซี่กำแห่งสังสารจักร ๑ เป็นผู้ควรแก่
ทักขิณาวัตถุทั้งหลายมีปัจจัยเป็นอาทิ ๑ ไม่
ทรงทำบาปทั้งหลายในที่ลับ ๑ เพราะเหตุนั้น
จึงทรงพระนามว่า อรห์ โดยประการทั้งปวง
ดังพรรณนามาฉะนี้แล
[แก้อรรถบท สมมาสัมพุทฺโธ]
ส่วนที่พระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ทรงพระนามว่า สมฺมาสมฺพุทฺโธ
ก็เพราะทรงรู้ธรรมทั้งปวงโดยชอบและโดยพระองค์เอง จริงอย่างนั้น
พระองค์ ทรงรู้โดยชอบด้วย โดยพระองค์เองด้วย ซึ่งธรรมทั้งปวง
คือ ทรงรู้ธรรมทั้งหลายที่เป็นอภิญไญย โดยความเป็นธรรมที่พึงรู้ยิ่ง๒
ทรงรู้ธรรมทั้งหลายที่เป็นปริญไญย โดยความเป็นธรรมที่พึงกำหนดรู้
ทรงรู้ธรรมทั้งหลายที่เป็นปหาตัพพะ โดยความเป็นธรรมที่พึงละทรงรู้
ธรรมทั้งหลายที่เป็นสัจฉิกาตัพพะ โดยความเป็นธรรมที่พึงทำให้แจ้ง
ทรงรู้ธรรมทั้งหลายที่เป็นภาเวตัพพะโดยความเป็นธรรมที่พึงเจริญ
ก็เพราะเหตุนั้นแล พระองค์จึงตรัส ( แก่เสลพราหมณ์เป็นคาถา ) ว่า
๑. มหาฎีกาจารย์ท่านคิดและค้นอรรถแห่งอรห์ได้อีก 5 นัย ขอสังเขปความมาบันทึกไว้
ในที่นี้ เพื่อเชิดชูความอุตสาหะช่างคิดช่างเล่นของท่าน คือแปลว่า (๑) ผู้ไกล (อสัตบุรุษ)
(๒) ผู้ใกล้ (สัตบุรุษ) (๓) ผู้ไม่มีธรรมที่จะต้องละ (๔) ผู้ที่คนดีไม่ละทิ้ง และผู้ไม่ทรง
ทอดทิ้งคนดี (๕) ผู้ไม่มีความไป (ในคติภพ) (๖) ผู้ควรสรรเสริญไม่สิ้นสุด
๒. อภิญไญยธรรม มหาฎีกาท่านแปลว่าธรรมที่พึงรู้ด้วยญาณอันวิเศษยิ่ง และว่าหมายเอา
อริยสัจ ๔ นั่นเอง ที่ว่ารู้ด้วยญาณอันวิเศษยิ่ง ก็คือในกาลเบื้องต้นทรงรู้ด้วยวิปัสสนา
ปัญญา ในขณะที่บรรลุผล ก็ทรงรู้ด้วยมรรคปัญญา ในกาลต่อมา ก็ทรงรู้ด้วยพุทธญาณ
ทั้งหลายมีสัพพัญญุตญาณเป็นต้น