ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที 131
ก็แลด้วยบทว่า 'กาเมหิ' นี้ บัณฑิตพึงทราบว่า ท่านสงเคราะห์
เอาทั้งวัตถุกามที่กล่าวไว้ใน ( มหา ) นิเทศโดยนัยว่า " วัตถุกาม
ทั้งหลายคืออะไร คือรูปอันน่ารักน่าชอบใจ... ดังนี้เป็นต้น
ทั้งกิเลสกามที่กล่าวไว้ใน ( ฌาน) วิภังค์ใน (มหา) นิเทศนั้นเหมือนกัน
ว่า "ความพอใจเป็นกาม ความกําหนดเป็นกาม ความกำหนัดตาม
ความพอใจเป็นกาม ความใฝ่ใจเป็นกาม ความกำหนัดเป็นกาม
ความกำหนัดตามความใฝ่ใจเป็นกาม กิเลสเหล่านี้เรียกว่า กาม " ดังนี้
เข้าด้วยกันทั้งหมดทีเดียว ก็เมื่อเป็นเช่นนี้ ปาฐะว่า " วิวิจเจว
กาเมหิ" นั้น แม้จะหมายความว่า " สงัดจากวัตถุกามทั้งหลายเทียว "
ดังนี้ก็ชอบ กายวิเวกเป็นอันกล่าวด้วยความสงัดจากวัตถุกามนั้น
(ส่วน ) ปาฐะว่า " วิวิจฺจ อกุสเลหิ ธมฺเมหิ" จะหมายความว่า
" สงัดจากกิเลสกามทั้งหลาย หรือว่าจากอกุศลทั้งปวง " ดังนี้ก็ชอบ
จิตตวิเวกเป็นอันกล่าวด้วยความสงัดจากกิเลสกามนั้น อนึ่ง บัณฑิต
พึงทราบว่า ใน ๒ ปาฐะนั้น การสละกามสุขย่อมเป็นอันประกาศด้วย
ปาฐะแรก เพราะกล่าวความสงัดจากวัตถุกามทั้งหลายแท้ การยึดเอา
เนกขัมมสุขเป็นอันประกอบด้วยปาฐะที่ ๒ เพราะกล่าวความสงัดจาก
กิเลสกามทั้งหลาย และเพราะกล่าวความสงัดจากวัตถุกามและกิเลสกาม
มหาฎีกาท่านแก้อรรถไว้ว่า โลภะอย่างอ่อนเป็นฉันทะ ด้วยอรรถว่าพอใจ โลภะ
ที่แรงกว่านั้นเป็นราคะ ด้วยอรรถว่ากำหนัด ที่แรงกว่านั้นขึ้นไปอีก เป็นราคะอย่างหนา
เรียกว่าฉันทราคะ โลภะอันเป็นเหตุให้ใฝ่ใจถึงนิมิตและอนุพยัญชนะ เป็นสังกัปปะ
โลภะที่แรงขึ้นไปเป็นราคะ ที่แรงขึ้นไปอีกเป็นสังกัปปราคะ เป็นอันได้ความว่า
กิเลสกามก็คือ โลภะอันเดียวนั่งเอง ตั้งแต่อ่อน ๆ ไปจนแรงที่สุด