ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 195
ของมัน ตั้งจิตไว้ในบัญญัติธรรม (คือโลกโวหาร ) ตามที่เป็นคำใช้
กันมาก ภาวนา เตโช เตโช โดยที่เป็นนามเด่นในบรรดานาม
ของไฟทั้งหลาย เช่น ปาวโก กณหวตตนิ ชาตเวโก หุตาสโน
เมื่อเธอภาวนาไปอย่างนั้น นิมิตทั้ง ๒ ย่อมจะเกิดขึ้นตามนัยที่กล่าว
แล้วนั้นโดยลำดับ อุคคหนิมิตในเตโชกสิณนั้น ปรากฏเป็นเช่นกับ
เปลวไฟขาดตกลงไปๆ แต่สำหรับผู้ถือเอา (นิมิต) ในไฟที่มิได้แต่ง
กสิณ โทษย่อมจะปรากฏ คือ ท่อนฟืนบ้าง ก้อนถ่านบ้าง เถ้าบ้าง
ควันบ้าง ย่อมปรากฏ (ส่วน ) ปฏิภาคนิมิตปรากฏนิ่ง ดุจท่อนผ้า
กัมพลแดงที่วางไว้ในอากาศ และดุจพัดใบตาลสีทองดุจเสาทอง
ฉะนั้น พร้อมกับความปรากฏแห่งปฏิภาคนิมิตนั้นแหละ พระโยคาวจร
นั้นก็จะบรรลุอุปจารฌาน และจตุตกฌาน ปัญจกฌาน โดยนัยที่กล่าว
แล้วนั้นแล
เตโชกสิณ จบ
[วาโยกสิณ]
พระโยคาวจรแม้นใคร่จะเจริญวาโยกสิณ จึงถือเอานิมิตในลม
ก็แลนิมิตในลมนั้น จึงถือเอาได้ทางเห็นบ้าง ทางถูกต้องบ้าง เพราะคำ
(ต่อไป ) นี้ท่านกล่าวไว้ในอรรถกถาทั้งหลายว่า " พระโยคาวจรผู้จะขึ้น
เอาวาโยกสิณย่อมถือเอานิมิตในลม คือกำหนดเอายอดอ้อยที่ไหว
ไปมา หรือกําหนดเอายอดไผ่ หรือยอดไม้ หรือปลายผมที่ไหวไปมา
ก็ได้ กำหนดเอาลมอัน ( พัดมา ) ต้องที่กายก็ได้ " ดังนี้ เพราะเหตุนั้น