ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 205
กสิณนั้นหาประมาณไม่ได้ แท้จริง เมื่อพระโยคาวจรแผ่กสิณนั้นไป
ด้วยใจ ย่อมแผ่รวดไปทีเดียว หาได้ (มัว) กะประมาณว่า (แค่) นี้
เป็นเบื้องต้น (แค่) นี้เป็นท่ามกลางของกสิณนั้นไม่ ดังนี้แล
[ผู้ที่บำเพ็ญกสิณไม่สำเร็จ]
ก็แลสัตว์เหล่าใด ที่ท่านกล่าวว่าเป็นผู้กอบด้วยกัมมาวรณ
(เครื่องกั้นคือกรรม) ก็ดี กอบด้วยกิเลสาวรณ (เครื่องกั้นคือกิเลส) ก็ดี
กอบด้วยวิปากาวรณ ( เครื่องกันคือวิบาก) ก็ดี ไม่มีศรัทธา ไม่มีฉันทะ
ปัญญาทรามเป็นผู้อภัพที่จะก้าวลงสู่ความแน่นอน ความดำเนินชอบ
ในธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศล ความบำเพ็ญในกสิณแม้แต่ข้อเดียว
ก็ย่อมไม่สำเร็จ แก่สัตว์เหล่านั้น แม้สักผู้เดียว
ในคำเหล่านั้น คำว่า กอบด้วยกัมมาวรณ ได้แก่ประกอบด้วย
อนันตริยกรรม คำว่ากอบด้วยกิเลสาวรณ ได้แก่เป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ
และเป็นอุภโตพยัญชนก เป็นบัณเฑาะก์ คำว่ากอบด้วยวิปากาวรณ
ได้แก่ปฏิสนธิเป็นอเหตุกะและเป็นทวิเหตุกะ คำว่า ไม่มีศรัทธา
คือไร้ความเชื่อในพระรัตนตรัยมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น คำว่าไม่มีฉันทะ
คือไร้ฉันทะในอปัจจนึกปฏิปทา คำว่า ปัญญาทราม หมายความว่าไร้
ความเห็นชอบ ทั้งที่เป็นโลกิยะและโลกุตตระข้อว่า เป็นผู้อภัพที่จะ
ก้าวลงสู่ความแน่นอน ความดำเนินชอบในธรรมทั้งหลายที่เป็นกุศลนั้น
ความว่าเป็นผู้ไม่อาจก้าวลงสู่อริยมรรคที่นับว่าเป็นความแน่นอน และ
* แปลว่า ปฏิปทาอันไม่เป็นข้าศึก มหาฎีกาแก้เป็นอนุโลมปฏิปทา คือปฏิทาอัน
ควรแก่มรรค และว่าหมายเอาวิปัสสนา