ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 14
อย่างนั้น หานภาคิยธรรมพึงทราบตามนัยนี้ว่า " สัญญาและมนสิการ
อันสหรคตด้วยกามเกิดขึ้นครอบงำบุคคลผู้ได้ปฐมฌาน ปัญญา
(ในปฐมฌานนั้น) ก็เป็นหานภาคินี " (ส่วน) วิเสสภาคิยธรรม
พึงทราบตามนัยนี้ว่า "สัญญาและมนสิการที่สหรคตด้วยความไม่มี
วิตกเกิดขึ้น (ดำเนินไป) ปัญญาก็เป็นวิเสสภาคินี " ดังนี้
[การเจริญสมาธิ]
ส่วนคำเฉลยในปัญหาข้อว่า " สมาธินั้นจะพึงเจริญอย่างไร "
นี้จึงทราบต่อไปนี้ สมาธิใดอันสัมปยุตด้วยอริยมรรค ที่ข้าพเจ้า
กล่าวไว้ก่อนแล้วในทุกสมาธิ มีข้อว่า " นี้สมาธิเป็น ๒ โดยเป็น
โลกิยะและโลกุตระ " ดังนี้เป็นอาทิ นัยแห่งการเจริญอริยมรรค
สมาธินั้นสงเคราะห์เข้ากับนัยแห่งการเจริญปัญญาได้ทีเดียว เพราะว่า
เมื่อเจริญปัญญาแล้ว มรรคสมาธินั้นก็ย่อมเป็นอันเจริญด้วยแท้
เพราะเหตุนั้น เราจะไม่มุ่งเอามรรคสมาธินั้นมากล่าวแยกไว้
ต่างหาก ว่ามรรคสมาธินั้นจะพึงเจริญอย่างนี้ๆ ส่วนว่าสมาธิอันเป็น
โลกิยะนี้ใด โลกิยะสมาธินั้น อันพระโยคาวจรผู้ยังศีลทั้งหลายให้หมดจด
โดยนัยที่กล่าวแล้ว ตั้งอยู่ในศีลอันบริสุทธิ์ดีแล้ว บรรดาปลิโพธ ๑๐
ประการ ปลิโพธใดของเธอมีอยู่ ตัดปลิโพธนั้นเสียแล้วเข้าไปหาท่าน
ผู้ให้กรรมฐานผู้เป็นกัลยาณมิตร ถือเอากรรมฐาน ๔๐ ข้อใดข้อหนึ่ง
ซึ่งอนุกูลแก่จริยาของตน ละวิหารอันไม่เหมาะสมแก่การเจริญสมาธิเสีย
๑. อภ.๓๕/๔๔๗
๒. อภิ.วิ๓๕/๔๔๘