ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 109
วิสัชนา ในกาลใด จิตของเธอหดหู่เพราะเหตุมีความเพียรย่อ
หย่อนนักเป็นต้น ในกาลนั้นอย่าเจริญสัมโพชฌงค์ ๓ มีปัสสัทธิ
สัมโพชฌงค์เป็นอาทิแล้วเจริญสัมโพชฌงค์ ๓ มีธัมมวิจยสัมโพชฌงค์
เป็นต้น จริงอยู่ ข้อนี้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ตรัสไว้ว่า " ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย
ลาย ต่างว่าบุรุษใคร่จะก่อไฟ ( ซึ่งติดอยู่) น้อยหนึ่งให้โพลง
ขึ้น ( หาก )เขาใส่หญ้าสดๆ ลงไป ใส่มูลโคสดๆ ลงไป ใส่
ฟื้นสดๆ ลงไป ให้ลมเจือน้ำเข้าไป และเอาฝุ่นโปรยลงไปที่ไฟนั้น
ภิกษุทั้งหลาย บุรุษนั้นจะอาจก่อไฟน้อยหนึ่ง (นั้น) ให้โพลงขึ้นได้
หรือหนอ "ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า " ข้อนั้นหามิได้ พระพุทธ
เจ้าข้า " ตรัสต่อไปว่า " ฉันนั้นนั่นแล ภิกษุทั้งหลายในสมัย
ใดจิตหดหู่อยู่ ในสมัยนั้น (กาลนั้น )มิใช่กาลที่จะเจริญปัสสัทธิ
สัมโพชฌงค์ มิใช่กาลที่จะเจริญสมาธิสัมโพชฌงค์ มิใช่กาลที่จะ
เจริญอุเบกขาสัมโพชฌงค์ นั่นเพราะเหตุไร ภิกษุทั้งหลาย (เพราะ)
จิตหดหูอยู่ จิตหดหู่นั้นยากที่จะทำให้ฟื้นขึ้นได้ด้วยธรรมเหล่านั้น
ภิกษุทั้งหลาย ก็แลในสมัยใดจิตหดหู่อยู่ในสมัยนั้น (กาลนั้น)
เป็นกาลที่จะเจริญธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ เป็นกาลที่จะเจริญวิริย
สัมโพชฌงค์เป็นกาลที่จะเจริญปีติสัมโพชฌงค์ นั่นเพราะเหตุอะไร
ภิกษุทั้งหลาย ( เพราะ ) จิตหดหูอยู่ จิตหดหู่นั้นพระโยคาวจร
จึงทำให้ฟื้นขึ้นได้โดยง่ายด้วยธรรมเหล่านั้น เปรียบเหมือน บุรุษ
ใคร่จะก่อไฟน้อยหนึ่งให้โพลงขึ้น เขาพึ่งใส่หญ้าแห้งๆ ลงไป ใส่
มูลโคแห้ง ๆ ลงไป ใส่ปืนแห้ง ๆ ลงไป เป่าเข้าไป และไม่เอา