ความเข้าใจเกี่ยวกับสมาธิในภาวนา วิสุทธิมรรคแปล ภาค 1 ตอน 2 หน้า 101
หน้าที่ 101 / 324

สรุปเนื้อหา

ในเนื้อหานี้ได้กล่าวถึงสมาธิ ๒ อย่างคือ อุปจารสมาธิและอัปปนาสมาธิ โดยอธิบายถึงธรรมชาติของนิมิตและการตั้งมั่นของจิตเมื่อประสบกับภาวนา การเข้าใจในความแตกต่างระหว่างสองระดับของสมาธิ และพัฒนาการของจิตในขณะที่ปฏิบัติอย่างถูกต้อง โดยที่อุปจารสมาธิจะมีการละนิวรณ์และนิมิตที่ปรากฏ นอกจากนี้ ยังมีข้อความที่อ้างถึงถึงพัฒนาการของการเรียนรู้สมาธิ ระหว่างระดับอุปจารและระดับอัปปนา ซึ่งจะมีความแตกต่างในกระบวนการเป็นสมาธิและการรับรู้ของจิตในขณะปฏิบัติ

หัวข้อประเด็น

-ความหมายของสมาธิ
-ประเภทของสมาธิ
-อุปจารสมาธิกับอัปปนาสมาธิ
-กระบวนการภาวนา
-ความสำคัญของนิมิตในการปฏิบัติ

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ม.4 ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 99 เปลือกสังข์ที่ขัดอย่างดีแล้ว ดุจดวงจันทร์ออกจากกลุ่มพลาหก ดุจ ฝูงนกยาง (ขาว บินอยู่) หน้าเมฆ (ดำ) แต่ว่านิมิตนั้นหาได้เป็นสิ่ง ที่มีสีสัณฐานไม่ เพราะถ้ามันเป็น ( สิ่งมีสีสัณฐาน ) เช่นนั้นไซร้ มันก็จะพึงเป็นสิ่งที่รู้ได้ทางจักษุ เป็นของหยาบ ลูบคลำได้ เข้า ลักษณะ ๓ ได้ แต่นี่ไม่เป็นเช่นนั้น แท้จริงมันเป็นสิ่งที่เกิดแต่ สัญญา ( ในภาวนา ) เพียงเป็นอาการที่ปรากฏแก่ผู้ได้สมาธิเท่านั้น เองแหละ ก็แลตั้งแต่เวลาที่ปฏิภาคนิมิตนั้นเกิดขึ้นแล้ว นิวรณ์ ทั้งหลายก็เป็นอันถูกข่มราบไป กิเลสทั้งหลายก็ระงับเรียบไป จิต เป็นอันตั้งมั่นด้วยอุปจารสมาธิแท้แล [สมาธิ ๒ ต่างกัน] ก็สมาธิมี ๒ คือ อุปจารสมาธิ ๑ อัปปนาสมาธิ ๑ จิตเป็น สมาธิด้วยอาการ ๒ ในอุปจารภูมิอย่าง ๑ ในปฏิลาภภูมิอย่าง ๑ ใน ๒ ภูมินั้น ในอุปจารภูมิ จิตเป็นสมาธิด้วยการละนิวรณ์ เป็นปฏิลาภ ภูมิ จิตเป็นสมาธิด้วยความปรากฏแห่งองค์ (ฌาน ) ส่วนข้อที่ทำ ให้ต่างกันแห่งสมาธิ ๒ อย่าง (นั้น) ดังนี้ ในอุปจาร องค์ทั้งหลาย ยังไม่เกิดกำลัง เพราะความที่องค์ทั้งหลายยังไม่เกิดกำลัง ( แม้ ) เมื่ออุปจารสมาธิเกิดขึ้นแล้ว จิตจึงถือเอานิมิตเป็นอารมณ์ได้พักหนึ่ง ก็ตกสู่ภวังค์เสียพักหนึ่งๆ (ยังขึ้นๆ ตกๆ ) เปรียบเหมือนเด็กอ่อน เขาพยุงขึ้นยืน (ตั้งไข่) ก็ล้มร่ำไป ฉะนั้น ส่วนในอัปปนา องค์ ๑. ติลกขณภาพต มหาฎีกาไม่แน่ใจ แก้ไว้ ๒ นัย คือหมายถึงสังเขตลักษณะ ๓ หรือสามัญลักษณะ ๓ ก็ได้
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More