ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที 31
" อาวุโสทั้งหลาย พระอรหัตมรรคควรแก่ท่านอาจารย์ของเราแล้วละ
ท่านอาจารย์ของเราเป็นผู้ซื่อตรง เป็นอาชาไนยบุคคล ท่านจึงยอม
นั่งบนเสื่อใกล้ธัมมันเตวาสิกของตน กล่าวว่า " เธอจงบอกกรรมฐาน
แก่ฉันด้วยเถิด " อาวุโสทั้งหลายพระอรหัตมรรค สมควรแก่พระเถระ
ท่านแล้ว "
คันถะ ย่อมไม่เป็นปลิโพธแก่ภิกษุทั้งหลายผู้มีคุณธรรมเช่นนี้
[อิทธิปลิโพธ]
คำว่า อิทธิ หมายเอาฤทธิ์อันมีในปุถุชน อันฤทธิ์ที่มีในปุถุชน
นั้น เป็นสิ่งที่รักษายาก ดุจเด็กอ่อนที่ยังนอนแบและดุจข้าวกล้าอ่อน
ย่อมจะแตกได้ด้วยเหตุเพียงเล็กน้อย ก็แลฤทธิ์นั้น ย่อมเป็นปลิโพธ
ต่อวิปัสสนา หาเป็นปลิโพธต่อสมาธิไม่ เพราะฤทธิ์นั้น บุคคลบรรลุ
สมาธิแล้วจึงได้ เพราะเหตุนั้นแล อิทธิปลิโพธ พระโยคาวจรผู้
ประสงค์วิปัสสนาจำต้องตัด (ส่วน) ปลิโพธ (8) ที่เหลือ พระโยคา
วจรผู้ประสงค์สมถะพึงตัด
นี้แล ความพิสดารในเรื่องปลิโพธ พึงทราบเป็นอันดับแรก
ส่วนในข้อว่า " เข้าไปหาท่านผู้ให้กรรมฐาน ผู้เป็นกัลยาณ
มิตร " นั้น มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้
๑.
มหาฎีกาว่า ท่านซื่อ เพราะไม่มีสาไถย คือ ไม่อวดดี นับเป็นอาชาไนย เพราะรู้เหตุ
ที่ควรรู้ ไม่มัวงมอยู่ )
๒. หมายถึงท่านพระธรรมรักขิตเถระผู้ปรินิพานไปแล้ว เรื่องพระจุฬาภัยนี้ ท่าน
ผู้แต่งเล่าด้วยสำนวนโวหารที่ฟังเข้าใจยาก ตั้งแต่ต้นจนจบ ต้องใช้เวลาอ่านทำความ
เข้าใจมากอยู่ ซึ่งในที่สุดก็ต้องใช้วิธีเติมข้อความเอาตามที่เข้าใจว่าจะเป็นเช่นนั้น