ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที 101
[อาวาส]
พึงทราบวินิจฉัยในบทมาติกาเหล่านั้น ดังนี้ เมื่อพระโยคาวจร
นั้นอยู่ในอาวาสใด นิมิตที่ยังไม่เกิดก็ไม่เกิดขึ้นก็ดีที่เกิดแล้วเสื่อม
หายไปเสียก็ดี สติที่ยังไม่ตั้งมั่นก็ไม่ตั้งมั่นด้วย จิตที่ยังไม่เป็นสมาธิ
ก็ไม่เป็นสมาธิด้วย อาวาสนี้นับเป็นอสัปปายะ เมื่อเธออยู่ในอาวาส
ใด นิมิตเกิดและถาวรด้วย สติก็ตั้งมั่น จิตก็เป็นสมาธิ ดุจพระ
ปธานิยติสสเถระผู้อยู่ ณ นาคบรรพต อาวาสนี้นับเป็นสัปปายะ เพราะ
เหตุนั้น ในวิหารใด อาวาส (ที่อยู่) มีหลายแห่งพระโยคาวจร
พึง (ลอง ) อยู่ในอาวาสเหล่านั้นแห่งละ ๓ วัน จิตของเธอเป็น
เอกัคคะ (ตั้งมั่นในอารมณ์เดียว ) ในอาวาสแห่งใด ก็อยู่ในอาวาสแห่งนั้น
เพราะความที่มีอาวาสเป็นสัปปายะแท้ๆ ภิกษุ ๕๐๐ รูปผู้อยู่ในถ้ำ
จูฬนาคในตัมพปัณณิทวีป ถือเอากรรมฐาน ( บำเพ็ญอยู่) ใน
ถ้ำจุฬนาคนั้นแหละได้บรรลุพระอรหัต (ทั้งหมด) ส่วนพระอริย
บุคคลเบื้องต่ำมีพระโสดาบันเป็นอาทิ และท่านผู้ได้อริยภูมิในที่อื่น
แล้ว (มา) บรรลุพระอรหัตในถ้ำจุฬนาคนั้นคณนามิได้ แม้ใน
อาวาสสัปปายะแห่งอื่นๆ เช่นจิตตลบรรพตวิหาร ก็เช่นกัน
[โคจรคาม]
ส่วนโคจรคาม พึงทราบดังนี้ โคจรคามใดมีอยู่ในที่ไม่ไกลนัก
ไม่ใกล้นักในระยะประมาณโกสะกึ่ง แต่เสนาสนะทางทิศเหนือ หรือ
มหาฎีกาว่า ประมาณ ๑,000 ชั่วธนู