ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 169
( ในวิภังค์ตอนหนึ่ง ) ว่า " ถามว่า ในสมัยนั้นฌานมีองค์ ๓ เป็นไฉน ?
ตอบว่าฌานมีองค์ ๓ คือ ปีติ สุข เอกัคคตา " ดังนี้
คำที่เหลือมีนัยอันกล่าวใน (ตอบแก้) ปฐมฌานนั้นแล้ว
[ตติยฌาน]
ก็แลครั้นได้บรรลุทุติยฌานแม้นั้นอย่างนี้แล้ว พระโยคาวจรจึง
ประพฤติให้เป็นวสีโดยอาการ ๕ ตามนัยที่กล่าวแล้วนั้น ออกจากทุติย
ฌานอันช่ำชองแล้ว ( พิจารณา) เห็นโทษในทุติยฌานนั้นว่า " สมาบัติ
นี้มีข้าศึกคือวิตกวิจารอยู่ใกล้ " และว่า " สมาบัตินี้ชื่อว่ายังมีองค์ทราม
เพราะ ( องค์คือ ) ปีติ ที่ท่านกล่าวไว้อย่างนี้ว่า " ความปลื้มเปรม
แห่งใจอันไปด้วยปีติในทุติยฌานนั้นอันใดเล่า เพราะความปลื้มเปรม
อันนั้น ทุติยฌานนั่น ท่านจึงกล่าวว่ายังหยาบ "ดังนี้ เป็นองค์ที่ยัง
หยาบ พึงทำในใจถึงตติยฌานโดยว่าเป็นธรรมละเอียด ปล่อยวาง
ความพอใจในทุติยฌาน ทำโยคะ ( ความเพียร ) เพื่อบรรลุตติยฌาน
(ต่อไป )
ครั้นเมื่อพระโยคาวจรนั้นออกจากทุติยฌานแล้วมีสติสัมปชัญญะ
ปัจจเวกขณ์องค์ฌานทั้งหลายอยู่ปีติปรากฏโดยความเป็นองค์หยาบ
สุขและเอกัคคตาปรากฏโดยความเป็นองค์ละเอียดในกาลใด ในกาล
นั้น เมื่อเธอทำในใจแล้วๆ เล่าๆ ซึ่งนิมิตนั้นนั่นแลโดยบริกรรมว่า
ปฐวี ปฐวี ดังนี้ เพื่อละองค์หยาบและเพื่อได้องค์ละเอียดอยู่ ขณะ
ที่ปรากฏว่าตติยฌานจักเกิดขึ้น มโนทวารวัชนะย่อมตัดภวังค์ ทำ
ปฐวีกสิณนั่นเองให้เป็นอารมณ์เกิดขึ้น ต่อนั้นชวนะ๔ หรือ ๕ ดวง