ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 139
อารมณ์ให้เกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งอารมณ์ที่ตนเห็นมาแล้วโดยปกติ ก็
ลอยขึ้นในอากาศ ไปหยุดยืน ณ ลานพระมหาเจดีย์ทีเดียว ราวกับ
ลูกคลีหนังอันงาม ที่บุคคลปาลงที่พื้นปูนแล้วกระดอนขึ้นในอากาศ
ฉะนั้น
แม้กุลธิดาผู้หนึ่งในบ้านวัตตกาลคามอันเป็นที่อาศัย ( โคจร
บิณฑบาต ) แห่ง ( ภิกษุ) วัดศิริกัณฑวิหาร ก็โลดไปในอากาศได้ด้วย
อุพเพงคาปีติอันมีพระพุทธ ( คุณ ) เป็นอารมณ์อย่างแรง เช่นเดียวกัน
ได้ยินว่า มารดาบิดาของกุลธิดาผู้นั้น เมื่อจะไปวัดเพื่อ
ฟังธรรมในเวลาเย็น สั่งว่า " แน่ะแม่ เจ้าเป็นภาระหนักไม่อาจไปใน
เวลาค่ำมืด” เราจักฟังธรรมให้ส่วนบุญแก่เจ้า " ดังนี้แล้วจึงได้ไป
กุลธิดานั้นแม้ใคร่จะไป แต่ไม่อาจขึ้นคำของท่านได้ ก็ยังอยู่เรือน
( ออกไป ) ยืนที่ชานเรือน มองไปดูลานพระเจดีย์ลอยฟ้า” บนเขา
คิริกัณฑกะด้วยแสงจันทร์ ได้เห็นการบูชาพระเจดีย์ด้วยประทีป
ได้เห็นบริษัท ๔ ทำเจดีย์บูชาด้วยเครื่องบูชามีดอกไม้และของหอม
เป็นต้นแล้วทำประทักษิณกันอยู่ และได้ยินเสียงคุณสาธยายของหมู่
ภิกษุด้วย ครั้งนั้น เมื่อนางรำพึงไปว่า " พวกเขาช่างมีบุญจริงหนอ
ที่ได้ไปวัดแล้วได้เดินไปมาที่ลานพระเจดีย์เช่นนั้น และได้ฟังธรรมกถา
อันไพเราะเช่นนั้น "พลางมองดูพระเจดีย์อัน (ขาวโพลน ) เช่นกับ
๑. อกาเล จะแปลโดยพยัญชนะว่า ในคราวมิใช่กาล หรือว่า ในกาลอันไม่สมควร
ก็คงได้ความหมายพิเศษในประโยคนี้ว่า "เวลาค่ำมืด" นั่นเอง
๒. อากาสเจติยงคณ์ มหาฎีกาท่านว่า เจดีย์ที่สร้างไว้บนยอดเขา เรียกว่า อากาสเจดีย์
จะหมายความว่ามองเห็นเด่นอยู่ในที่สูง ดังว่าลอยอยู่ในอากาศ กระมัง?