ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 168
ฌานก็เกิดแต่สัมปยุตสมาธิโดยแท้ แต่ถึงกระนั้นก็สมาธิ ( ในทุติย
ฌาน ) นี้เท่านั้นควรเรียกว่าสมาธิ เพราะไม่หวั่นไหว และเพราะ
ผ่องใสดีอย่างยิ่ง โดยปราศจากความกำเริบแห่งวิตกวิจาร เพราะ
เหตุนั้น เพื่อสรรเสริญสมาธินี้จึงตรัสว่า สมาธิชิ แต่ทุติยฌานนี้
เท่านั้น
บทว่า ปีติสุข นี่ มีนัยดังกล่าวมาแล้ว บทว่า ทุติย์ คือ
ฌานนี้เป็นที่ ๒ เพราะมีลำดับแห่งจำนวน บ้างว่า ชื่อ ทุติยะ เพราะ
พระโยคาวจรเข้าถึงฌานนี้เป็นที่ ๒
"
ส่วนคำใดที่ข้าพเจ้ากล่าวไว้ว่า " ทุติยฌานละองค์ ๒ ประกอบ
ด้วยองค์ ๓ " ดังนี้ บัณฑิตพึงทราบวินิจฉัยในคำนั้น (ต่อไป) ความ
ที่ฌานนี้ละองค์ ๒ พึงทราบโดยที่ละวิตกวิจารได้ ก็แลนิวรณ์ทั้งหลาย
พระโยคาวจรละได้ในอุปจารขณะแห่งปฐมฌานเช่นใด วิตกวิจารหา
ละได้ในอุปจารขณะแห่งทุติยฌานนี้เช่นนั้นไม่ แต่ในอัปปนาขณะ
ฌานนี้เกิดขึ้นมาเว้นจากวิตกวิจารเหล่านั้นทีเดียว เหตุนั้น วิตกวิจาร
เหล่านั้นจึงเรียกว่าเป็นองค์ที่พึงละแห่งทุติยฌานนั้น ส่วนความที่ฌาน
นี้ประกอบด้วยองค์ ๓ พึงทราบโดยความเกิดขึ้นแห่งองค์ ๓ นี้คือ ปีติ
สุข เอกัคคตา เพราะเหตุนั้น คำใดที่กล่าวไว้ในวิภังค์ว่า "สัม
ปสาทนะ (ความผ่องใสแห่งจิต) ปีติ สุข เอกัคคตาแห่งจิต ชื่อว่า
งาน " ดังนี้คำนั้นท่านกล่าวโดยปริยาย เพื่อแสดงฌานนั้นพร้อมทั้ง
บริขาร ( เครื่องประดับ ) แต่ยกสัมปสาทนะเสีย ฌานนั้นก็มีองค์ ๓
เท่านั้น โดยเป็นองค์ที่เข้าลักษณะอุปนิชฌานโดยตรง ดังท่านกล่าว