ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๘ - วิสุทธิมรรคแปล ภาค ๑ ตอน ๒ - หน้าที่ 173
ที่พึงละมีนิวรณ์เป็นต้น (ที่ข่มไว้และละได้ด้วยฌานตามลำดับแล้วให้
เห็นตามสภาพ ) แล้วตกลงใจวางเฉยในอันจะถือเอา ( สิ่งที่ละแล้วเหล่า
นั้นอีกเพราะเห็นโทษ ) อันมา ( ในบาลี ) อย่างนี้ว่า " ถามว่าสังขารุ-
เบกขาเท่าไรเกิดขึ้นด้วยอำนาจสมาธิ สังขารุเบกขาเท่าไรเกิดขึ้นด้วย
อำนาจวิปัสสนา ? ตอบว่า สังขารุเบกขา 4 เกิดขึ้นด้วยอำนาจสมาธิ
สังขารุเบกขา ๑๐ เกิดขึ้นด้วยอำนาจวิปัสสนา "ดังนี้เป็นต้น
นี้ชื่อว่า สังขารุเบกขา
อุเบกขา
ส่วนอุเบกขาใดที่หมายรู้ด้วยไม่ทุกข์ไม่สุข อันมา ( ในบาลี)
อย่างนี้ว่า " ในสมัยใดจิตเป็นกามาวจรกุศลเกิดขึ้นสหรคตด้วย
อุเบกขา " ดังนี้เป็นต้น อุเบกขานี้ชื่อว่า เวทนูเบกขา
ส่วนอุเบกขาใดเป็นอาการที่วางเฉยในการเฟ้น (สังขาร ) อันมา
( ในบาลี ) อย่างนี้ว่า " สิ่งใดมี สิ่งใดเป็นพระโยคาวจรละสิ่งนั้น
เสีย ย่อมได้อุเบกขา " ดังนี้ อุเบกขานี้ชื่อว่า วิปัสสนูเบกขา
ส่วนอุเบกขาใดเป็นธรรมที่คุมสหชาตธรรม ทั้งหลายให้เสมอกัน
อันมาใน เยวาปนกธรรมทั้งหลายมีฉันทะเป็นต้น อุเบกขานี้ชื่อว่า
ตัตรมัชฌัตตุเบกขา
อุเบกขาใดไม่ยังความตกเป็นฝักฝ่ายให้เกิดในตติยฌานนั้นที่แม้
มีสุขอย่างเลิศ อันมา ( ในตติยฌานปาฐะ ) อย่างนี้ว่า " อุเปกฺขโก จ
* เยวาปนกธรรม ได้แก่ เจตสิก ๑๖ คือ ฉันทะ อธิโมกข์ อุเบกขา มนสิการ
อุทธัจจะ กรุณา มุทิตา สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ มานะ อิสสา
มัจฉริยะ กุกกุจจะ ถีนะ มิทธะ ที่เรียกว่า เยวาปนกะ คือกำหนดไม่ได้ว่า ธรรม
ข้อไหนจะเกิดขึ้น