ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโคง-ปฐมสมันตปาสาณาแปล ภาค ๒-หน้าที่ 132
[ลาสิกขาภับนวนวิกฤตเป็นต้นไม่เป็นอันบอกลา]
พระผู้พระภาคเจ้า ครั้งทรงแสดงลักษณะแห่งการบอกลา ลักขณา
อย่างนี้แล้ว เพื่อความไม่ละเลยในการไม่บอกลา และเพื่อแสดง
ความวิบัติแห่งลักษณะการบอกลา ลักขณะนั้นนั่นเอง ด้วยอานาแห่งบุคคล
เป็นต้น จึงตรัสว่า "ถองค์ ภิกขเว อปฺปจํปา" ดังนี้เป็นต้น.
ในคำว่า "อปฺปจํปา" เป็นดังนั้นมีวิจารณ์ดังนี้ :-
ว่า "เยนิ อาการเทสิโ" เป็นต้น มีนัยดังกล่าวแล้วนั้นเอง.
บทว่า อุมมตุโก ได้แก่ ภิกษ์บ้านเพราะถูกยกย่องหรืองาน
เพราะดีคำบรร คือ ภิกษุผู้มีสัญญาวิจิตรปริญญ์กุญ
บิณฑบาตคือ ภิกษุผู้มีสัญญาวิจิตรปริญญ์กุญบิณฑบาตถ์ ถ้าหลอก (สีละ) ไฉรํ ลิขขยา ย่อมไม่เป็นอันบอกลา.
บทว่า อุมมตุคตุสฺส ได้แก่ ภิกษุบ้านนั้นเหมือนกัน. จริงอยู่
ถ้าปกติตักกิณู บอกลา สิกขาในสำนักของภิกษุบ้านนั้นไซร้ ภิกษุบ้าน
ไม่เข้าใจ สีลภาย่อมไม่เป็นอันบอกลา.
ภิกษุบ้านเพราะถูกยกย่องเข้สง ท่านเรียกว่า "ภิกษุผู้มีจิตพึ่งซ่าน."
อย่าง คําว่า "ภิกษุบ้านเพราะถูกยกย่องเข้า สิกขา หรือภิกษุบ้านเพราะดีคำริบ"
ท่านกล่าวไว้แล้วในบทต้น โดยความเป็นภิกษุมาเสมอกัน ความแปลก
กันแห่งภิกษุบ้านแม้หลายอักขมังแจ้งในอานาปิฏวรา ภิกษุผู้จิตฟุ้งซ่าน
อย่างนั้น บอกลา (สิกขา) สิกขาอ่อนไม่เป็นอันบอกลา สิกขา
แม้อน Pattikkhu ถูกยกย่องเข้ามาในสำนักภิกษุนั้นเพราะถูกยกย่องเข้าสิ่งนั้น
เมื่อภิกษุบ้านนั้นไม่เข้าใจ ก็ไม่เป็นอันบอกลา.
บทว่า เวتناภูโก ได้แก่ ภิกษุผู้อื่นทุกวาณะที่มีกำลังถูกต้อง
แล้ว คือ ถูกความสงบใสสรอบงำแล้ว. สิกขาที่ถูกผู้อื่นวาณา