ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค๓ - ปฐมสมันตปลาสำาคัญแปล ภาค ๒ - หน้าที่ 288
ไผบนไม้ มีฐาน ๒ ภูกุ๋มมือฉลากหรือกยานนั้น ให้ว่งเลวยไปโอกาส
ที่กลายไป เป็นปราชญา. ยานที่เขาตั้งไว้บนแผ่นดิน มีฐาน ๕ ด้วย
อำนาณแห่งที่ตั้งตั้งไว้ด้วยแอก และด้วยไปดำเกลาพลา ๔ อัน. ภูกุ๋มฉายาน
นี้ที่แอกฉลากไป เมื่อสุดข้างหลังไม้ค้ำพลาส เลยอดสุดข้างหน้าไป
เป็นปราชญา. ภูกุ๋มที่ไม้ค้ำพลาสฉลากไป เมื่อที่สุดข้างหน้ามันเป็นปราชญา. ภูกุ๋มข้างๆ ฉลากไป
เมื่อเลยฐานที่ไม่ค้ำพลาสนั่นและตั้งขวางอยู่ เป็นปราชญา. ภูกุ๋มข้างๆ ฉลากขวาง
กลางขขึ้น เมื่อพ้นแผ่นดิน เพียงปลายเส้นผม เป็นปราชญา. ถ้า
ไม่มีไม้ค้ำพลาส เขาทำแปรงให้เท่ากันทีเดียว แล้วเจาะตรงกลางลอด
หัวพลาสเข้าไป. ยานั้นตั้งอยู่ถูกแผ่นดินทั้งหมด โดยรอบพื้นที่เบื้องต่ำ.
ในยานนั้น พึงทราบว่า เป็นปราชญา ด้วยอำนาจเลยฐานที่กูใน
๔ ทิศ และเบื้องบน. ล้อที่เขาวางฉลากตั้งบนฐานนี้ มีฐานเดียว
เท่านั้น. การกำหนดล้อนั้น พึงทราบโดยอาการ ๕ อย่าง. ล้อที่ตั้งให้
ข้าวงและคุม (ดิน) มีฐาน ๒. เมื่อภูกุ๋มเอาเหยียบส่วนที่ตั้งขึ้น
แห่งงไว้ที่พื้นแล้วจึงกำรหรือกึ่งยกขึ้น ที่ที่ตนไม่จัดเป็นฐาน.
เพราะเหตุนั้น เมื่อส่วนนี้ตั้งขึ้นนั้น แม็งตั้งอยู่ แต่พลาญฐานที่เหลือ
(จากส่วนนี้) ไป ถึงเป็นปราชญา. เมื่อตีงั้นก็แสดงนี่ว่า มีฐาน
๒. บรรดาฐานทั้ง ๒ นั้น. เมื่อภูกุ๋มทำให้พื้นจากฝ่ารั้งแรก เป็น
ดูลล้วงจัย. ภายหลังในเมื่อยกขึ้นจากแผ่นดิน เพียงปลายเส้นผม เป็น
ปราชญา. แต่เมื่อภูกุ๋มทำให้พาวนแผ่นดินนี้รุก ถ้าฐานอึ่งอยู่คู่ฝ
ยังไม่กำรบี มีมือนี้เหมือนกัน. ถ้ามือภูกุ๋มทำลูกไปข้างล่าง
๙. ภูกุ๋มวีในนเทว่่า อุทิยาอุทิญาบุณาติ ฉุดตา.