การปกปิดและการถือเอาในพระพุทธศาสนา ปฐมสมันตปาสาทิกา ภาค 2 หน้า 377
หน้าที่ 377 / 404

สรุปเนื้อหา

เนื้อหาพูดถึงการปกปิดสิ่งของในใจและการถือเอาของจากผู้อื่น โดยเฉพาะในบริบทของภิกษุในพระพุทธศาสนา การกระทำดังกล่าวถือเป็นเรื่องผิดศีล โดยมีตัวอย่างของการจัดวงสลากและการลักขโมยสิ่งของที่มีค่าจากผู้ช่วยกัน. ในเวลาที่พวกเขาเข้าไปในบ้านก็ไม่มีการลงมือทำที่ชัดเจน แต่ความคิดเรื่องการถือเอาก็เพื่อให้เป็นของตัวเองอยู่เสมอ จนอาจดูเหมือนว่าเป็นการเสี่ยงต่อการทำบาปเช่นกัน.

หัวข้อประเด็น

-การปกปิดในใจ
-การถือเอาสิ่งของ
-พระพุทธศาสนา
-ภิกษุ
-กุสาวาหาร

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ปกปิดไว้ด้วในใจว่า"ภายหลังจากถือเอา" ดังนี้ เพียงเท่านี้ การยกส่งของขึ้น ยังไม่มีเก็บคู่กันนั้น; เพราะเหตุนี้ จึงยังไม่เป็น อาหารก่อน แต่เมื่อใด พวกมนุษย์ลำนั้นประสงค์จะเข้าไปภายในบ้าน แม้นหลังของนั้น ก็ไมเห็น จึงคิดว่า "ปิดด ค้ามคืดแล้ว, พรุ่งนี้ ก่อนเกิด พวกเราจึงรู้ " แล้วก็ไปทั้งที่ยังมีความอาลัยอยู่เทียว. เมื่ออัน เมื่อภิกษุนี้ ยกส่งของนั้นขึ้น เป็นปราชิกในขณะที่ขึ้น, แต่เมื่อภิกษุถือเอาเมื่อเวลาในเวลาที่ปกิดไว้แล้วนั่นเอง ด้วยสัญญาว่า "เป็น ของเรา" หรือตัวบ่งบอกสัญญาว่า "ดตนัน มุขี้หล่านนี้ไปแล้ว พวกเขาได้ทั้งสิ่งของนี้แล้ว" เป็นกัน ๆ ไทย. เมื่อมนุษย์เหล่านั้น แม้ มาในวันที่ ๒ ตรวจคันดูแล้ว ก็ไมเห็น จึงก็การทอศะอธิไป สิ่งของที่เธอถือเอาแล้ว ก็เป็นกัน ๆ ไทยเหมือนกัน เพราะเหตุไร ? เพราะเหตุว่าพวกเขาไม่เห็นสิ่งของ ด้วยความพยายามของภิกษุนี้ องัย ภิกษุใด พบเห็นสิ่งของเห็นปานนั้น ยังกังตั้งอยู่ในเดิมนั่นเอง ไม่ได้ ปกปิด แค่มีใจจิต เอาเท่าเหยียบเข้าไปในเปลือกตม หรือในทราย, พอถึงนั่นอันเธอให้เข้าไปแล้วเท่านั่น ก็เป็นปราชิก. [อรรถาธิบายตามสาร] การสับเปลี่ยนสลากแล้วลักเอา ท่านเรียกว่า "กุสาวาหาร." แม้ กุสาวาหารนั้น พึงทราบดังนี้: ภิกษุใด เมื่อภิกษุทั้งหลายกำลัง จัดวงสลากแจกจิวร ใครจะลักส่วนของภิกษุอื่น ซึ่งมีราคามาก
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More