ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค- ปฐมมัณฑปสักกาบทแปล ภาค ๒ หน้าที่ 398
ในเรื่องน้ำ มีวิตินฉันนี้:- ในกกลใด น้ำย่อมเป็นของหาได้
ยาก, ในกกลนั้น ภิกษุทั้งหลายย่อมนำน้ำมาจากที่ใกล้ โโยษหนิ่งบาง
ถึงโยษนั้นบ้าง ใน้ำที่เขาหวนแห่งเห็นเป็นน้ำนั้น ย่อมเป็นอาหาร. พวก
หย่อมยังข้าวเต็มและข้าวสวยให้สำเร็จแม้ด้วยน้ำใด ที่เขานำมา หรือที่
บังอยู่ในสลากย์ทั้งหลาย มีสาระโยกนรเป็นต้น และย่อมนำมาเป็นน้ำใช้
ดั่งได้รับคนรับรับชอรับอย่างมากมายอื่นไม่,
เมื่อภิกษุอธิอานั้นมั่นนั่น. ด้วยใจจิต ย่อมเป็นอาภรส่วนภิญโญ
เอาน้ำ ๑ หม้อ หรือ ๒ หม้อ จากน้ำใดย่อมได้เพื่อส้างสานะ เพื่อ
รดต้นโพธิ์ เพื่อทำการบูชาด้วยน้ำ (คือครพระเจดีย์) เพื่อดำน้ำน้อม.
ควรปฏิบัติในน้ำมัน ด้วยอานาจแห่งข้อกิตาของสงฆ์เดียว. ภิกษ์ผู้
ถือเอาน้ำมากเกินไป หรือใส่สัฏฐ์หลายมีดเหมือนเป็นต้นลงไปด้วย
ไดอิจิต พระวินัยรังให้ตรากำลังของปราบอันดี. ถ้าพวกภิกษุของ
ถิ่น ทำข้อกิตาภิวัตรไว้ อย่างแข็งแรง ไม่ยอมให้ภิกษุล่อื่นให้ล้างสิ่ง
ของ หรือใช้อมผ้า แต่เมื่อภิกษุเหล่าอื่นไม่เห็นคนก็เอามาทำทุกอย่าง
พวกภิกษุอันดกตะ ไม่ต้องตั้งอยู่ในข้อกิตาของภิกษ์เจ้านั้น. พวก
ภิภยัถ่านเหล่านั่น ล้างของเครื่องใช้กันได้ กิ้งล้างของเท่านั้น ถ้า
สงมีสาระโยกบวรณี หรือาจะพึงนำ้ยู่ ๒-๓ แห่งไซร้. และสงก็ทำข้อ
กิตาไว้ว่า “ภิภญทั้งหลาย ควรสร้างน้ำในสาระโยกบวรณี และจะพึงน้ำนี้,
ควรถือเอาน้ำดังจากสาระโยกบวรณีและจะพึงน้ำนี้, ควรทำการใช้สอยทุก
อย่าง ในสาระโยกบวรณีและคะพังนี้” พวกภิภย่อกันดูๆ ก็พึงทำกิจ
ทั้งหมดตามข้อกิตาการวัตรนี้แลองเล็ต. ในสาระโยกบวรณีเป็นต้นไปไม่มีอักกิฏก,
การใช้สอยทุกอย่าง ในสาระโยกบวรณีเป็นต้นนั้น ย่อมควร จะนี่แล.