ข้อความต้นฉบับในหน้า
ปรโโยค๓- ปฐมสมันดปาส์ทากเดป ลาภ ๒ - หน้า ๒๐๒
มีความว่า หมู่ชนชั้นหลัง อย่าถึงความทำให้พินาศในสัตว์ทั้งหลายเลย.
มีคำอธิบายว่า "หมู่ชนชั้นหลังสำคัญกว่า" แม้ในครังพุทธทาลิกขุทั้งหลาย
ได้ทำกรรมอย่างนี้แล้ว เมื่อพวกกิฬทำในดลในสัตว์ทั้งหลาย
ในฐานะเช่นนี้ ก็ไม่มีโทษ ดังนี้ เมื่อจะเจาะเอาพระเณรนี้เป็น
กุศลมุติ อย่าได้สำคัญในอันที่จะเบียดเบียน คือในอันที่จะทรมาน
ในหมู่สัตว์ อย่างพระเณรทำแล้วนั้นเลย."
[ปรฺอบอัณฑกุกกุลกภูมะผู้สร้างกุศลด้วยอวน]
พระผู้พระภาคเจ้า ครับทรงดำหนิพระธนะอย่างนั้นแล้ว จึง
ทรงห้ามการทำภูมิเช่นนั้นต่อไปว่า "ดูก่อนภิกษ์ทั้งหลาย ! อนิกษ
ไม่ควรทำภูมิสืบด้วยคนอื่น." ก็แปล ครับทรงห้ามแล้ว จิงทรง
ปรับอัตไว เพราะการทำกุศลสำเร็จด้วยดินสวนว่าน"ภิกษุใด พึงทำ
ภิกษุนี้ ต้องอาบัติทุกลูก." เพราะเทดูใน ภิกษุแล้วไป ไม่ยังไม่
ถึงความทำให้พินาศในหมู่สัตว์ เพราะกิริยาเครื่องดุดินเป็นต้น ทำกิจก
เช่นนั้น, ภิกษุแม้ป่านนั้น ย่อมต้องทุกข์. แต่ภิกษุผู้ถึงความ
ทำให้พินาศในหมู่สัตว์ เพราะกิริยาการดุดินเป็นต้น ย่อมต้องอาบัติที่
ท่านปรับไว้พระวัดพระอุโบสถฯล้วนอย่างเดียว. พระธนะเระะ คึอว่า
ไม่เป็นอาบัติ เพราะเป็นต้นปัญญุติในสักขาบนี้. ภิกษุที่เหลือ ผู้ล้วง
ละมิดสิกขาบากทำก็ดี ได้กิฏียอี้นทำแล้วในกุฏิวันนี้ก็ เป็นทุกข์แก่
และ. ส่วนกฎิที่สร้างผสมด้วยทัพพสมัภาระ จะเป็นของผสมด้วยอาการ
ใด ๆ ก็หา ย่อมควร. กฎิที่สำเร็จด้วยดินสวนว่านั่นแล ไม่ควร. ถึงแม้
กฎิ่นั้น ที่ก่อด้วยอิฐ โดยอาการเช่นกับที่อย่ทำด้วยอิฐ ก็ควร.