ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - ปฐมสัมผัสกับคำแปล ภาค ๒ - หน้าที่ 236
เจ้าของยังมียอัลลัยอยู่หรือไม่มีอัลลัยแล้ว ถ้าภิกษุลในเวลาที่เจ้าของ
เหล่านั่นยังมียอัลลัย พระวินัยธรรมราคาปรับอาบัติ ถ้าลังในเวลาที่
เจ้าของอาณอัลลัยได้ ไม่พึงปรับอาบัติปราชญ์ แม่เมื่อเจ้าของักษะ
ให้นำก้นทะมักกิน ฟิงให้กันทะก้น อันนี้เป็นความชอบในเรื่องนี้
[เรื่องภิกษุล้อว มพระวินัยลัดสินว่าไม่เป็นอาบัติ]
ก็เพื่อแสดงเนื้อความนี้ ควรนำเรื่องนี้มาสกัดต่อไปนะ:- ได้
ยิ่นว่า ในรัฐกาลแห่งพระเจ้าดิษฐาราม มีภิกษุรูปหนึ่ง พาดผ้ากาสาวะ
สีเหลือง ขาว ๓ ดอก ไว้ที่จะออบแล้วเข้าไปยังลานพระเจดีย์จากกีกต
ทักษิณ เพื่อบูชาพระมหาดิษฐิ ขอธนเอง แม้พระราชก็เสด็จ
มาเพื่อถวายบังคมพระเจดีย์ เวลานั้น เมื่อกำลังไล่ถอนมุขูปันไป
ความออมนะแห่งมหาชน ก็ได้ขึ้นแล้ว ครวณมันแสดงอัน
ถูกความออมนะแห่งมหาชนเบียดเสียดแล้ว ไม่ทันได้เห็นกาสาวะ
ซึ่งพลัดตกไปออบบ่ายลาย ได้เดินออกไป ก็แล ครับเดินออกไป
แล้ว เมื่อไม่เห็นผ้ากาสาวะ ก็ทดสุร่วว่า "ใครจะหาผ้ากาสาวะได้
ในเมื่อฝูงชนลุมอยู่เช่นนี้" บันนี้ ผ้ากาสาวะนั้น ไม่ใชของเรา"
ดั่งนั้น แล้วก็เดินออกไป ครวณนั้น มีภิกษุอุบลเดินมาทางหลัง ได้เห็น
ผ้ากาสาวะนั้นแล้ว ก็ถือเอาด้วยใจก็แต่กลับมีความเคืองครื้น
เมื่อเกิดความคิดขึ้นว่า "บัดนี้ เราไม่เป็นสมณะ เราจักลูก" แล้ว
จึงคิดว่า "จับถกพระวินัยธรรมหลายดู จึงจู้หาได้" ก็โดยสมันนั้น
มีกุฏิผู้รวงพระปริยัติทั้งปวง ชื่ออุปชุนกะ เป็นปาโมกขาวารยางง
พระวินัย พักอยู่ในมหาวิหาร กิณฐรูปนั้นเข้าไปหาพระเจดีย์แล้วไหร่