ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค ๓ - ปฐมมัณฑปสัตว์ภาคแปล ภาค ๒ - หน้าที่ 340
ถาว่าด้วยสัตว์มีชีวิต
ถ้าจากถกว่าด้วยด่านภาษีนี้ไป พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจ
ทรงแสดงสัตว์ที่มีชีวิต ซึ่งพวกเถ่าอาหาสูตรว่า
"มนุสสปฺโถน" เป็นต้น. เมื่อกุสัตว์สัตว์มีชีวิตคือมนุษย์แม้มันße ได้ มะ
เป็นไท (มิใช่ทาส) ไป ย่อมไม่เป็นอาหาส. แม้บุคคลใดเป็นไท ถูก
มารดาหรือติดเอาไปปั้นไว้ หรือตัวเองเอาตัวเป็นประกันไว้ แล้ว
ได๋อกอารัพย์ ๕๐ หรือ ๖๐ กบาทาไป, เมื่อยกฐูกลูอายุคนแม่
นั้นไม่ได้เป็นอาหาส. ส่วนทรัพย์ย่อมเพิ่มดอกเบี้ยในสถานที่มาไปแล้ว.
แต่เมื่อกุสัตว์กาสนนแล ด่างโดยเป็นทาสที่กิดในเรือนเบี้ย ทาสสินไก่
และทาสที่ดูนามเป็นเชลย ย่อมเป็นอาหาส. จริงอยู่ พระผู้มีพระภาค
ทรงหมายเอารถาผู้กิดในเรือนเบี้ยเป็นตนบังแล จึงตรัสพระดำรัส
นี้ว่า "สัตว์มีชีวิตคือมนุษย์ เราเรียกว่า สัตว์มีชีวิต" ดังนี้
[บุคคลผู้อื่นทาส ๓ จำพวก]
ก็บรรดาทาสเหล่านี้ ทาสที่เกิดในท้องของนางทาส ในเรือน
พิทักษว่า ชื่อว่า ทาสที่เกิดในเรือนเบี้ย ทาสที่ถูกซื้อด้วยทรัพย์
พิทักษว่า ชื่อว่า ทาสสินไ์ บุคคลที่ถูกกดท้อมมาต่างประเทศ
แล้วเข้าสู่ความเป็นทาส พิทักษว่า ชื่อว่า ทาสที่ถูกนำมาเป็นเชลย.
ภิกษุคิดว่า "เราจักรัดสัตว์มีชีวิตเห็นปานนี้ไป" แล้วลูกค่าน ต้อง
ทุกกุจ. เมื่อเธอจับที่มือหรือเท้าของขึ้นทำให้ไหว ต้องลูกจ๋อย. เธอ