ข้อความต้นฉบับในหน้า
प्रโปลค3- ปฐมสมัคปะสากำแปล ภาค ๒- หน้า 155
แผลพัง8 แห่ง, ในกลานั้น สรีระนั้นย่อมละความเป็นวัตถุแห่งปราชญ์ และความเป็นวัตถุแห่งลัตถ์จัง เมื่อภิกขุพยายามในสรีระเช่นนั้นแห่งใด แห่งหนึ่ง เป็นทุกอย่างเดียว. เมื่อพยายามในจงภูมิของสัตว์วิเศษจราจน ทั้งหลาย (ที่ตายแล้ว) มาชัง ม้า โค แพะ อูฐ และอระเบียบเป็นตัน เป็นลักษังจัง. เมื่อพยายามในหัวใส่และฝึกคงคาด เป็นลักษังจังเหมือนกัน. เมื่อพยายามในดา หูก และบาดแผลของสัตว์วิเศษจามแม่ทั้งหมด (ที่ตายแล้ว) เป็นทุกกง, ในบรรดาแผลที่เหลือ นี้เป็นทุกกงเหมือนกัน. เมื่อพยายามในสรีระที่ยังลดของสัตว์วิเศษจราจน ท่าดายแล้วในบัดดินแห่งปราชญ์ เป็นปราชญ์, ในบัดดินแห่งลูลังจัง เป็นลักษังจัง, ในบัดดินแห่งทุกกง เป็นทุกกง. เมื่อพยายามในฉากสงพที่นำมะ เป็นทุกกง ในทุกแห่ง โดยนัยดังกล่าวแล้วในเนื้อดั้นนั้นเอง, ภิกษุเมื่อไม่ได้สอดหัวใจและฝึก องค์ฉาตของบรุษผู้เป็นอยู่เข้าไป ด้วยความกำหนดในอันคล้าสังกลาย หรือด้วยความกำหนดในมดุณ แต่ท่านมิผิดกฎต้องที่มีมดิ เป็นทุกกง เมื่อไม่ได้สอด (องค์ฉาตของตน) เข้าไปในมิติของหญิง ด้วยความกำหนดใน มดุณ แต่ท่านมิดับกับมิดุต้องกัน เป็นลักษังจัง. ส่วนในทางอรรถกถา ท่านกล่าวว่า “ภิญญูผู้ต้องมิดของหญิง ด้วยปาก ด้วยความกำหนดในมดุณ เป็นลักษังจัง” เพราะความไม่แปลกกันแห่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ว่า “ภิญญูผู้พักคิยะ ขังแม่โคหลายหลายข้างน้ำอิฐรด ที่เขาบาง ที่เขาบาง ที่หางบ้าง ขี้หลังบ้าง มีดกำหนดถูกต้ององค์ฉาตโคบ้าง”ดังนี้ พระผู้มพระภาคจึงตรัส ในจุมบันสะว่า คู่อนไภผุ่งหลาย ! อึงนิงองค์ฉาต