หลักการแต่งไทยเป็นมงคล คู่มือ วิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.4-9 หน้า 323
หน้าที่ 323 / 374

สรุปเนื้อหา

บทความนี้เสนอเกี่ยวกับหลักการแต่งไทยเพื่อความเป็นมงคล โดยอธิบายวิธีการใช้ศัพท์และโครงสร้าง โดยเน้นการเพิ่มข้อความโดยละเอียด และการเชื่อมความด้วยศัพท์เฉพาะ เช่น นิทสฺสนฺ์ เอตตู ทุจฺฺรูป และการใช้ประโยคอุปมาและอุปไมในงานเขียน ซึ่งช่วยให้ข้อความมีความสมบูรณ์และเป็นมงคลยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจในการแต่งไทยให้เป็นมงคล ทำความเข้าใจคำศัพท์และโครงสร้างที่เหมาะสมสามารถดูได้ที่ dmc.tv

หัวข้อประเด็น

-หลักการแต่งไทย
-ศัพท์นิรนธระ
-ศัพท์นิธาธระธนะ
-ข้อความอุปมาและอุปไม
-ความสำคัญของการแต่งไทยอย่างถูกต้อง

ข้อความต้นฉบับในหน้า

หลักการแต่งไทยเป็นมงคล ป.อ.๙ ๗๐๗ : สีฤชาพามาตติ เอตุจ สีฤชายา กามิตติ สุตขาวาโม, ตสุส ภาโอ สีฤชามาตา ฯ สา ปาณาย โลกสม เรว ฯ ฯ มุสสุ จ สัตตูิกา ฯ ๒. ในข้อความที่อธิบายข้อธรรมแต่ละอย่างใหละเอียดขึ้น นิยมเติมข้อความนั้น ๆ ไว้ให้ครบก่อน แล้วจึงแยกแต่งทีละข้อธรรมทีหลัง โดยใช้ศัพท์นิรนธระและนิธาธระธนะ เป็นตัวเชื่อมความ เช่น: : ตตรินม ปญฺญ สนฺธิโอ อุตฺโค ปริจฺฉนา อุปฺมาจา อุปฺมนา ลุกขนดิ ๆ ตุตฺ อุตฺโค นาม กมฺมุญฺฐานสฺสูฏฺ อุคฺคหนึ่ ๆ ในกรณีที่ข้อความมีอุปมาปนอยู่ด้วย ก่อนที่จะแต่งข้อความอุปมานั้น นิยมแต่งเติมSucceeded ว่า “ตรตราย อุมาม” หรือ “นิทสฺสนฺ์ เอตตู ทุจฺฺรูป ฯ” ไว้ข้างต้นก่อน เมื่อแต่งข้อความอุปมาหมด แล้ว หากข้อความภาษาไทยไม่มีอุปมายต่อ นิยมแต่งเติมประโยคอุปไมสิ้นๆ ว่า “เอาวํ สมฺภูมิทํ ฯ” หรือ “เอวํ สมฺภูมิทํ ทุจฺฺรูป ฯ” ต่อท้ายข้อความอุปมาไว้ด้วย เช่น : จิตตมนตรี กนฺฺจปิวาติ ยถาสาสนฺ ปฺฏฺติโต อนฺโฏ สมฺมาสมาธิ ฯ สารุจี ปริวุตเตตุ สกฺกา โหติ ฯ นิทสฺสนฺ์ เอตตู ทุจฺฺรูป ฯ ยงกุจิ ฐณฺฑิ ภณุํ ปุฬฺเพว อสูนาคมิ ปจฺจา ปน สกฺกา โหติ ปนปนํา สุริภิวนสฺเสน สุคนธ์ กาตูๆ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More