ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักการแต่งไทยเป็นมรรค ป.ร.๙ ๑๑๑๑
แต่ก็เป็นไปในลักษณะตามแบบคือเข้าใจและจำได้ตามแบบเท่านั้น เมื่อคิดแต่งเองโดยที่ไม่เคยเห็นแบบมาก่อน ย่อมจะมีความลำบากพอสมควรเพราะจะต้องตีความให้แตก แยกประเด็นเนื้อความให้ออกก่อนว่าตอนใดควรจะแต่งรูปประโยค ย ๓ ตอนใดไม่ควรเพราะไม่จำเป็นดังนั้น จึงแยกมากล่าวไว้โดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่ง
ขอให้นักศึกษาลักลับไปทบทวนเรื่องสังกรประโยค ทั้งในภาษา มคธและในภาษาไทยที่แสดงไว้แล้วในบทต้นๆ ให้เข้าใจให้ดี ก่อน เพื่อจะได้ความเข้าใจในเรื่องการปรุงประโยค ย ๓ ตรงกัน กล่าวคือ ประโยค ย ๓ หรือสังกรประโยคนี้ ประกอบด้วยส่วนของประโยค ๒ ประโยค คือ ประโยค ย เรียกว่าสูประโยค หรือประโยคย่อย ทำหน้าที่ขยายความ คล้ายกับเป็นวิสิษณะของบทที่ขยาย และประโยคต เรียกว่า มูยประโยค หรือประโยคใหญ่ ทำหน้าที่เป็นประโยคประธานในการตีความและปรุงแต่งให้เป็นประโยค ย ๓ ต้องอาศัยความชำนาญ และเข้าใจในภาษาไทยและภาษามคธรวมกัน ซึ่งก็แล้วแต่ความที่กำหนดให้แต่งด้วย นักศึกษาพึงยึดหลักเบื้องต้น ดังนี้ ๑). กรณีที่สำเนวนไทยมีเนื้อความที่ยาว และสั้นสลับกัน และมีบทขยายความมาก นิยมแต่งเป็นประโยค ย ๓ เพื่อแยกประโยคให้ชัดเจนขึ้น ๒). เนื้อความตอนใดงว่าขยายเนื้อความตอนอื่น ให้แต่งเนื้อความตอนนั้นเป็น ประโยค ย ๓ ส่วนเนื้อความตอนอื่นให้แต่งเป็นประโยค ๓