ข้อความต้นฉบับในหน้า
คร ๙๖ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นมคร ป.๔-๙
๓. กรณีที่แต่งประโยค ย ซ้อนกันในประโยคเดียว คือ มี ย สองตัว ในประโยค ๓ ก็จะต้องมี ๓ ซ้อนกันสองตัว เพื่อให้รับกับ ย และต้องวางศัพท์ให้ถูกตำแหน่ง กล่าวคือ ย ตัวแรกกับ ย ตัวหลังหมายถึงอะไร และวางอยู่ในตำแหน่งใด ตัวแรกก็ต้องวางไว้ในตำแหน่ง ย ตัวหลังเพื่อให้รับกันโดยไม่สับสน หาวางสลับที่กัน อาจทำให้สับสน ไม่สามารถรู้ได้ว่า ย ตัวไหนจับคู่กัน ในกรณีนี้มีตัวอย่างเช่น
: อนุปานเทสเชซ โย ย อิฉจติ ตสล ต ย อิฉจิตเมว สมูชชาติ ๆ
๔. ในกรณีที่ใช้ประโยค ย ๓ บ่งถึงกาล คือ ยท ตท กริยาคม พากย์ในประโยค ยท นิยมประกอบเป็นวิภัตติหมวดตมานา แสดงความเป็นปัจจุบัน แม้เนื้อความตอนนั้นจะดูว่าเป็นอดีตหรืออนาคตก็ตาม เพราะเนื้อความในประโยค ยท นั้นเกิดขึ้นหรือเป็นไปพร้อมกับเนื้อความในประโยค ตท ที่นขยาย แต่ในประโยค ตท กริยาจะเป็นกาลอะไร ยอมแล้วแต่เนื้อความเป็นสำคัญ เช่น
: ยท หิ ควา มหาปรินิพพานมนุเจ นิพชนิติ ตท ทสสสุขุภาวเทวตา อิมสุมิ จุกกวา เฟ สนิปิตุตว ทิพพมาตาติ ภควัต ปุเชสี ๆ (มคคล. ๑/๘๘๐)
๕. เนื่องจากประโยค ย ๓ มีประโยชน์สำหรับขยายเนื้อความให้มากขึ้นก็ได้ ย่อเนื้อความให้สั้นกระชับลงก็ได้และทำเนื้อความที่สัมสนให้ชัดเจนก็ได้ เพราะฉะนั้นจึงสามารถปรุงประโยค ย ๓ ได้