คู่มือชาวแปลภาษาไทยเป็นมรรค ป.ธ.๕-๙ คู่มือ วิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.4-9 หน้า 340
หน้าที่ 340 / 374

สรุปเนื้อหา

ในคู่มือเล่มนี้ นักศึกษาได้รับความรู้เกี่ยวกับการศึกษาภาษาไทยในทางพระพุทธศาสตร์ โดยเน้นเรื่องของการทำความเข้าใจประโยคคาถาปัตติตี้และการใช้งานในบริบทต่าง ๆ เพื่อให้สามารถจับใจความและแต่งประโยคได้ถูกหลัก นอกจากนี้ยังมีการอธิบายถึงแบบของประโยค ษูจ จติ ที่ได้รับการสร้างขึ้นในรูปแบบต่าง ๆ พร้อมตัวอย่างประกอบ เพื่อเป็นแนวทางในการศึกษาและฝึกฝนการใช้ภาษาอย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยอ้างอิงจากพระไตรปิฎกและอุปกรณ์การเรียนรู้อื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับวิชาการด้านนี้ ผู้เรียนจะสามารถพัฒนาและเข้าใจในการอธิบายเนื้อหาทางพระพุทธศาสนาได้ดีขึ้น ผ่านการศึกษาที่เหมาะสมจากตัวอย่างที่มีอยู่ในเอกสารและตำรา

หัวข้อประเด็น

-ความเข้าใจเกี่ยวกับประโยคคาถาปัตติตี้
-การออกแบบประโยค ษูจ จติ
-การใช้ตัวอย่างจากพระไตรปิฎก
-แนวทางการแต่งประโยคที่ถูกต้อง
-วิธีการศึกษาและเข้าใจพระพุทธศาสตร์

ข้อความต้นฉบับในหน้า

คู่มือชาวแปลภาษาไทยเป็นมรรค ป.ธ.๕-๙ ทฤษฎีชาว อุปปุนิ อิโลสิติ ๆ (ประโยคคาถาปัตติตี้ผิดหลัก) เรื่องประโยคคาถาปัตติตี้ นักศึกษา จำเป็นต้องศึกษาและทำความเข้าใจให้ง่องแท้ จึงสามารถจับใจความและแต่งให้ถูกหลักภาษาได้ วิธีที่ดีที่สุดคือศึกษาและทำความเข้าใจจากตัวอย่างที่อยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ท่านแต่งและใช้งานมาแต่โบราณ หรือจากพระไตรปิฎกโดยตรง ก็จะได้แบบที่ถูกต้องอ็อเป็นตัวอย่างได้ ประโยค ษูจ จติ ในประโยคที่มีข้อความสรุปเรื่องที่ผ่านมา ว่า “นี้เรียกว่า.......” และใช้ก็เรียกว่า ษูจจ ตุจจประโยค นิยมแต่งรูปรูปเป็น 2 แบบ คือ แบบที่หนึ่ง วางสรรพนามไว้หน้า ตามด้วย ษูจจติ ต่อด้วย นามที่เรียก มีรูปแบบดังนี้ สรรพนาม + ษูจจติ + นามที่เรียก ตัวอย่างเช่น - อยู่ ษูจจติ รูปขุนโ๎ ฯ - อธี ษูจจติ อริยธ ฯ แบบที่สอง วางสรรพนามไว้หน้า ตามด้วยนามที่เรียก ตามด้วย อิติ และ ษูจจติ ตามลำดับ มีรูปแบบดังนี้ สรรพนาม + นามที่เรียก + อิติ + ษูจจติ ตัวอย่างเช่น - อยู่ โมฆบูรโลติ ษูจจติ ฯ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More