ข้อความต้นฉบับในหน้า
คู่มือชาแปลไทยเป็นนคร ม.ธ.๙
การรับบริจาค ของพระเณรเหล่านั้น อันเธอ ถามด้วยความ
เอื้อเฝื่อหรือ
ควรแต่งเป็นรูปปั้นว่า :
เตย ปริญญาครูคน ต อาปุจฉิ ต ๆ (ตามสำนวนไทย)
ไม่ควรแต่งเป็นรูปตตุ :
กิ ต อ ปุจฉิ ๆ
แต่งนี้มิใช่หมายความว่าแต่งไปแล้วเป็นผิด หาเป็นเช่นนั้นไม่
แต่ท่านไม่นิยมทำเท่านั้น ส่วนในวิชาแต่งไทยเป็นนคร สำหรับชั้น
ป.ธ. ๙ ย่อมทำได้โดยอิสระ ไม่บังคับ ทั้งนี้เพื่อความเจริญทางภาษา
ของผู้ศึกษานั้นเอง
ในการแปลงประโยคเหตุผลตลอด เป็นเหุตกับมวากก็ดี แปลง
ประโยคเหตุที่มาจาก เป็นเหุตกับตลอดว่าก็ดี พึงเทียบเคียงตามที่กล่าว
มานี้
ข้อสำคัญ เมื่แปลงแล้วต้องให้ได้รับประโยคเป็นวรรคนี้ ๆ
ทั้งชุด มีใช้เป็นบ้างไม่เป็นบ้าง ลักษณะกันไป ทั้งนี้ให้ดูรูปแบบบวจาก
ตามที่ปรากฏในหลักเป็นแบบตายตัว คือ
เหตุตถุต : สามโก สุทธิ โอทธ ปาเจติ ๆ
เหตุกัมม : สามเกน สุเทน ( สุท) โอทโน ปาจีมิต ๆ
พึงสังเกตว่า ในประโยคจากเดิมนั้น สัทธ์ต่างๆ ประกอบ ด้วย
วิภัตติ ปัจจัยอะไร ทำหน้าที่อะไรในประโยค เมื่อแปลมาเป็นอีก
วรรคหนึ่งแล้ว คำพืนๆ จะต้องประกอบด้วยวิภัตติ ปัจจัยอะไร
และทำหน้าที่อะไร