หลักการแต่งประโยคไทย คู่มือ วิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.4-9 หน้า 345
หน้าที่ 345 / 374

สรุปเนื้อหา

หลักการแต่งไทยในบทเรียนนี้เริ่มต้นด้วยการสอนการใช้ประโยคเงื่อนไข เจ สเท ยิ่ง ที่ต้องมีการจัดเรียงประโยคอย่างถูกต้อง โดยประโยคแรกจะเป็นเงื่อนไขและประโยคหลังจะเป็นผลที่ตามมา ซึ่งจะแปลว่า 'ถ้า..........ใช่' นอกจากนี้ยังมีการกำหนดว่าตำแหน่งของ เจ, สเจ และ ยิ ต ต้องวางไว้ในตำแหน่งที่ถูกต้องตามหลักการเรียบกันต รวมถึงการใช้กริยาในประโยคที่ต้องพิจารณาเรื่องความจริงและความไม่แน่นอน

หัวข้อประเด็น

-การแต่งประโยค
-การใช้ประโยคเงื่อนไข
-กฎการเรียบประโยค
-ตัวอย่างการใช้ประโยค

ข้อความต้นฉบับในหน้า

หลักการแต่งไทยเป็นครู ป.๑๙๙ มครด้วยประโยค เจ สเท ยิ่ง ๒. ประโยค เจ สเท ยิ่ง จะต้องมีสองประโยคติดต่อกัน คือ ความตอนแรกที่เป็นเงื่อนไข ปรุงเป็นประโยค เจ สเท ยิ่ง ความตอนหลังที่เป็นผล ปรุงเป็นประโยคปกติ เวลาแปลในประโยคเงื่อนไขจะแปลว่า "ถ้า (ถ้าว่า) ........ ใช่" ส่วนประโยคหลังก็แล้วแต่ความ ๓. ถ้าปรุงประโยคด้วย เจ จะต้องวาง เจ ไว้เป็นที่สองของประโยค จะวางไว้ต้นประโยคไม่ได้ ตามหลักการเรียบกันต ๔. ถ้าปรุงประโยคด้วย สเจ หรือ ยิ ต ต้องวาง สเจ หรือ ยิ ไว้ต้นประโยค จะวางไว้เป็นที่สองไม่ได้ ตามหลักการเรียบกันต ๕. กิริยาที่ใช้กับประโยค เจ สเจ.ยิ่ง ตามปกติประกอบด้วยสัตวมิวัติวิติ หรือ วัตตามานวิติติ ในกรณีใดปรุงด้วยวิติตออะไรนั้นไม่มีคำกำนดแน่นอน แต่จะสังเกตความนิยมที่ท่านใช้ในปกชนทั้งหลายได้ว่า - ถ้าเงื่อนไขที่กล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องจริง อาจเป็นจริง เป็นไปได้ หรือมีเนื้อหามงความแน่นอน นิยมใช้กริยาที่เป็นวัตตามวิติ - ถ้าเงื่อนไขที่กล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่แน่ใจ ไม่แน่นอน หรือเรื่องที่ตั้งสมมติฐานเอาว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้จะเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะไม่เกิดอย่างนั้นก็ได้ ข้อความเช่นนี้ นิยมใช้กริยาที่เป็นสัตวมิวติ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More