ข้อความต้นฉบับในหน้า
การสังฆายนั้น เมื่อพระเจ้าโคมมหาราช เริ่มอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา พระภิษฐ์สง[์]ในอินเดียจึงต่างกันเป็น ๒ นิกาย คือเป็นพวกที่อฎิษัทธิราษฎรียราวนิยกายหนึ่ง ถือ ลัทธิอาจริวาทนิกายหนึ่ง เนื่องจากสาเหตุซึ่งเกิดขึ้น ครั้งทำติยสงฆ์ดังกล่าวมาแล้วนั้น แต่เมื่อถึง สมัยชั้นนี้ยังเกิดลัทธิต่าง ๆ ในอินเดียอันเดียวกัน นิกาย หนึ่งมีลัทธิเรีียชื่อแตกต่างกันกว่าอิสลัทธิ์ฯ
มคฺ : อยุธิ ตติยสุกีติกา ๆ ยทา กิริ อโลโก นามขตติโย มหาราชา อาโต พุทธสนทสุปฐมมํ โภโติ ตา ชมพี่ปีบ่าวี ภิขุสูงโฒ เะรวาท-นิกายิโก อาจรินิกายิโลจาติ ทิวา วิภาคามปฐิษ ฯ สิ ทูพี่ธสงฦสนิกายสุปุปติ ยถาวตนเบน ทุติยสงฅีติกาโลตยา ปาตรูปโลิ ฯ อาถปราคตุตฺถ ฤ โอคส สู สงฅนิกายสูส ลุภิ ทุติีตราปี นานุวนามา ฯ ลุภีที วิภาคามปูชีย ฯ
(สนามหลวง ๒๕๓๗)
พึงสังเกตว่าการตีความล้านนไทยตามตัวอย่างของสนามหลวง ข้างต้น มุ่งความชัดเจนในเนื้อหาามก เมื่อแต่งเป็นภาษา มคฺจึงขยายความออกไปตามสมควร และแยกความออกเป็นประโยคย่อย ๆ หลายประโยคเพื่อให้ได้ความชัดเจนขึ้น นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งของการตีความในวิชาแต่งไทยเป็นมคฺ