ข้อความต้นฉบับในหน้า
คู่มือวิชาแปลไทยเป็นนคร ป.4-9
ตัวอย่างที่พึ่งพิจารณาดังนี้
: เขีย ชมพูวาสโลน วิเทสส ฑนิชชายตถาย วา นิวาสนสุดถาย วา ลาธิ วิริสิล, เตส โย โคจี, ย สานน สุกโรติ ครุโโรติ มานิติ ปุชติ, ตนาวทาย สยเมว ปฏิชฌติ, ตสมิณจ ตัตรุจฺวาสโลน สมาหเปตวาอนุวตตาเปล่ ๆ
: ยงกนิจี หิ ฐโย โม มงคลวมงคลครณร์ ราชพิธิ ทยุย-ภาสาย สญชาณิติ, สพุณฑ์ เยงยุเยน บสมา จิโต พุทธเทพ อิมสมี สุยามฤูฬ ขตติยา เจา ราชาโน รฏวาสโล จ พราหมฌนลธ์รี สกรีสุ ครุรีสุ มานุตี ปุชติ, ยตา ปน พุทธสานต์ อิมิสสุ สุวรรณภูมิ สุฆามรฺวี่ ปกฐิ อโหสิ, ตทา ตเทว สุกโรนีติ ครุโโรนีติ มานุตี ปุชติ, ตสมา พุทธสานัสส เจว พราหมฌนลธ์ย จ นิยเมน สมนุตีวา กริตํ ฯ
ความจริงการปรุงประโยค ย ๓ นี้ไม่ซุ้ยยากและซับซ้อนมากนัก เพื่อให้รู้ความนิยมทางภาษาโดยศึกษาจากตัวอย่างในบริบทที่เป็นที่ยอมรับกันมาแต่โบราณเท่านั้น ก็สามารถแต่งตามได้โดยไม่ยาก ขอให้ระลึกอยู่เสมอว่า ไม่พึงแต่งประโยค ย ๓ พรำเพ่ือซ้ำซ้อนจนเกินความจำเป็น จบประโยคยามครไม่สละสลวย เพราะจะรุ่งรังด้วย ย ๓ เท่านั้น และประโยค ย ๓ ที่แต่งซ้ำซ้อนและบ่อย