ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๒ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นนคร ป.ธ.๔-๙
นอกจากจะแปลว่า ภิกษุให้จรราแก่สามเณรแล้ว อาจแปลว่า ภิกษุให้
จิรของสามเณร คือ ภิกษุอาจจิรของสามเณรไปให้แก่อื่น ดังนี้ได้
เพราะตามประโยคและการสัมพันธ์ น่าจะเป็นได้มากกว่าคำแปลแรก
ดังนั้น จึงต้องเรียงเสียงใหม่ว่า "ภิกษุ จิวาร สามเณรสุชาติ"
ดังนี้เป็นอันชัดเจน ดันไม่ได้ ไม่คลุมเครือเหมือนตัวอย่างแรก
หรืออย่างความไทยว่า "ครรภ์ดังขึ้นในท้องของกฤษฏิสินธุ์
นั่นแล้ว"
กลับเป็นนครว่า "อสุส ภรียาย ถุฉิยะ คุโพฺ ปติสุจิฑิ ฯ
อย่างนี้ถูกต้องทั้งทางความหมายทั้งทางสัมพันธ์ Because อสุส
สัมพันธ์เข้ากับ ภรียาย เรียงไว้นำภรียาย ภรียาย สัมพันธเข้ากับ คุโพฺ ก็ได้ เข้ากับ ปติสุจิ ฯ ก็ได้ เป็นอันถูกต้องทุกศัพท์
แต่ถ้าเรียงเสียงใหม่ว่า อสุส คุโพฺ ภรียาย ถุฉิยะ ปติสุจิ ฯ อย่างนี้ตามหลักการเรียง และหลักไวเรกานต์ ดูเหมือนจะไม่ผิด แต่
ลองคิดทางสัมพันธ์ และปลดประโยคนี้ อสุส อามสัมพันธุ์เข้ากับ คุโพฺ ก็ได้ because วางไว้ตรงหน้า
เมื่อเป็นดังนี้ จึงต้องแปลว่า ครรภ์ของเศรษฐีผู้นั้น ตั้งขึ้นใน
ท้องของอรรยา แปลดังนี้ ก็อาจลูกค้านว่าแปลเข้าไปได้อย่างไร แต่
ลองพิจาณาดู ก็รูปศัพท์และรูปประโยคบงับให้แปลอย่างนั้นก็ได้
ขอให้นักศึกษาจำไว้อย่างหนึ่งว่า การเขียนหนังสือภาษาไทยก็ตาม ภาษา
บาลีก็ตาม โดยเฉพาะเขียนวลาสลอบ ต้องเขียนให้คนที่ไม่รู้เรื่อง