ข้อความต้นฉบับในหน้า
๑๒๒ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙
:
: เอตส ปพพเต วสติ, อุโปสถทิวเส ปน อคฺคี น
ชาเลส, นูน มโต ภวิสฺสติ ฯ (๒/๒)
อนุช อมหาก ราชภาโว ตุมเหหิ ญาโต ภวิสฺสติ ฯ
(๓/๔๓)
ข้อสังเกต ประโยค ต + สัตตมี กับประโยค ต + ภวิสสันติ มีความ
คล้ายคลึงกันมาก ในแง่ที่เป็นประโยคที่บ่งเนื้อความที่ไม่แน่นอนหรือคาด
คะเนเอาเหมือนกัน แต่ก็พอมีข้อสังเกตอยู่บ้าง คือ ประโยค ต + สัตตมี
จะมุ่งความที่ผู้พูดหรือผู้เขียนไม่แน่ใจว่าจะเกิดจริง มีจริงหรือไม่ คาด
เอาเท่านั้น ส่วนประโยค ต + ภวิสสันติ จะมุ่งการคาดคะเนทั้งหมดว่า
คงจะเกิดจะมีแน่นอน และคงจะเกิดหรือมีมานานแล้ว นักศึกษาพึงเปรียบ
เทียบประโยคต่อไปนี้ดู ก็พอจะมองเห็นความแตกต่างกันได้บ้าง คือ
: ต การณ์ มรสุมรฏฺเฐ ชาติ ภูเวย ๆ
:
: ต การณ์ มรมมรฎเฐ ชาติ ภวิสฺสติ ฯ
โส ธมฺม สุตวา ปฐมผลํ ปตฺโต ภเวย ๆ
: โส ธมฺม สุตวา ปฐมผลํ ปตฺโต ภวิสฺสติ ฯ
(๗) ตพฺพ ปัจจัย มาคู่กับ โหติ (ตพฺพ + โหติ) ใช้กับเนื้อความที่
เป็นการบังคับ ต้องปฏิบัติตามแน่นอน ถ้าไม่ปฏิบัติตามย่อมจะมีข้อ
เสียหาย ตพฺพ ปัจจัยบ่งถึงความบังคับ โหติ บ่งถึงความแน่นอน และ
เป็นความแน่นอนอย่างนั้นตลอดกาล ทุกยุคทุกสมัยไม่เปลี่ยนแปลงตรง
กับภาษาไทยว่า “จะต้อง” หรือ “เป็นเรื่องที่จะต้อง” เช่น
: กิญจาปิ อตฺธานํ ปริกขย์ คจฺฉติ, อถโข ปุจฉิตวา
คนฺตพฺนํ โหติ ฯ