ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓๔๐ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙
๒. เรื่องกาล ต้องระวัง ถ้าสำนวนบังกาลไว้ชัด เช่น อยู่ แล้ว
ควร เป็นต้น ให้เรียงไปตามสำนวนนั้น ส่วนสำนวนว่า “จะ” อาจ
เป็นได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต ต้องดูเนื้อความ หรือถ้าไม่บังกาลไว้ ก็
ต้องพิจารณาดูที่ความเช่นกันว่าเป็นเรื่องอดีต หรือเรื่องปัจจุบัน และ
เกิดขึ้นประจําหรือไม่ เป็นต้น
๓. สำนวนว่า “ว่า” มีหลักการเรียง ๒ อย่าง ให้สังเกตดูที่
การพิมพ์ข้อสอบในภาษาไทย คือ
ก. ถ้าพิมพ์คำว่า “ว่า” กับคำต่อไป เว้นวรรคห่างกันแสดงว่า
คำว่า “ว่า” นั้น มาจาก อิติ ศัพท์ ต้องประกอบเป็นประโยคคำพูด
(เลขใน) เช่น
: เขาพูดว่า แม้ข้าพเจ้าก็จักไป
: โส “อหมฺปิ คมิสฺสามีติ” อาห์ ฯ
ข. ถ้าพิมพ์ คำว่า “ว่า” กับคำต่อไปติดกันโดยไม่เว้นวรรค
แสดงว่า คำว่า “ว่า” นั้น มาจากภาวศัพท์ ให้เรียงเป็นสำนวนว่า
“ซึ่งความที่แห่ง...” หรือ “ซึ่งความเป็นคืออัน...” เช่น
ชานามิ ฯ
เป็น
: ข้าพเจ้าไม่รู้ว่าท่านนอนอย่างนี้
: อห์ ตุมหาก เอว์ นิปนุนภาว์ น ชานามิ ฯ (๑/๓๘)
ไม่ควรเรียงเสียยืดยาวว่า อห์ ตุมเห เอว์ นิปนนาติ น
- เพราะอะไร เธอจึงไม่บอกฉันว่า ครรภ์ตั้งขึ้นแล้ว
- กสฺมา มยุห์ คพาสส ปติฏฐิตภาว์ นกเถสิ ฯ (๑/๔๓)