ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓๐๖ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙
มคธ : โย โกจิ ปุริโส พลสมฺปนฺโน โส อญฺเญริ
สมานวฑฺฒโน อตฺตานํ วฑโฒ สกโกติ สเจ ปน
โกจิ อติถามวา ภเวยุย, โส ขิปฺปเมว อนุปุพเพน
อภิวฑฺเตติ ; เอว มยมฺปิ รฏฺฐานํ พล์ โหติ, ยสฺม
พหุธา ปวตฺตติ, ตสฺส พลญเจว วสิสสริยญจ
ภัยโยโส มตฺตาย อนุพรูหนฺติ ฯ
๓. การเติมความ
ข้อความภาษาไทยที่กําหนดให้แต่งนั้น ในบางตอนจะมีเนื้อความ
ที่ยังไม่ชัดเจน ยังคลุมเครือ ยังคุมความได้ไม่หมด หากจะแต่งไป
ตามข้อความนั้น ย่อมทำให้ขาดความแจ่มแจ้งและเสียอรรถรสทางภาษา
ได้ ในกรณีอย่างนี้ให้เติมเนื้อความที่ขาดไปให้เต็มสมบูรณ์ได้ เนื้อความ
ที่เติมมานั้นอาจเป็นประโยค เป็นวลี หรือเป็นศัพท์ก็ได้ แล้วแต่ความ
เหมาะสม เมื่อเติมแล้วต้องได้ความเต็มสมบูรณ์ขึ้น เนื้อความสัมพันธ์
เนื่องกันไปเป็นเรื่องเดียวกัน มิใช่เติมแล้วทำให้เนื้อความสับสน เพราะ
เติมความอื่นที่ไม่เกี่ยวกับเรื่องลงไป
อนึ่ง ในเรื่องการเติมความนี้มีข้อที่พึงทราบอันเป็นความนิยมทาง
ภาษาเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้
๑. ข้อความที่เป็นหัวข้อธรรม เมื่อจะแต่งอธิบายนิยมแต่งเป็น
รูปวิเคราะห์เติมเข้ามาก่อน แต่รูปวิเคราะห์นั้นจะต้องเป็นรูปวิเคราะห์
ที่ผู้รู้ได้เขียนไว้ในปกรณ์ทั้งหลายแล้ว มิใช่แต่งเองตามใจชอบ เช่น