ข้อความต้นฉบับในหน้า
๒๔๘ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙
(๓) บทที่แก้นั้น จะต้องมีน้ำหนักและได้ใจความคล้ายคลึงหรือ
เสมอกัน ไม่นิยมใช้ศัพท์ที่เมื่อใช้แล้วทำให้ความขาดน้ำหนัก หรือความ
หมายด้อยลงไป เช่น
ความไทย : บทว่า ภิกฺขุ แปลว่า ผู้ขอ ฯ
เป็น
: ภิกขูติ ภิกฺขโก
(ไม่ใช่ ภิกขูติ ยาจโก ซึ่งทำให้ความด้อยไป)
หลักการแก้ความ
การแก้ความ ก็คือการอธิบายความโดยยกบทตั้งขึ้นแสดงเพียง
บทเดียว แล้วอธิบายความคลุมไปถึงบทอื่นๆ ด้วยอย่างหนึ่ง กับยก
บทตั้งขึ้นอธิบายความไปทีละบท จนหมดกระแสความอย่างหนึ่ง
ในการอธิบายความนั้น อาจมีเนื้อความเพียงประโยคเดียว หรือ
สองประโยคหรือกว่านั้น หรืออาจมีประโยค ย ต เข้ามาแทรก เพื่อให้
เนื้อความกระจ่างขึ้น อาจมีประโยคอุปมาอุปไมย มีข้อความเปรียบเทียบ
เข้ามาแสดงร่วมด้วย ซึ่งในลักษณะเช่นนี้แหละที่ทำให้เกิดความสับสน
หรือความเข้าใจผิดขึ้นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะเป็นการยากที่จะประกอบ
ศัพท์และวางศัพท์ให้ถูกหลักเกณฑ์วิธีการได้ ในที่นี้จักชี้แจงพอเป็นข้อ
สังเกต และพอเป็นแนวทาง ดังนี้
(๑) ในกรณีที่สำนวนไทยขึ้นบทตั้งแล้วลงว่า “เป็นต้น” แล้วอธิบาย
ความไปหลายประโยคหรือหลายๆ คำ ซึ่งมากกว่าที่มีอยู่ในบทตั้ง อย่าง
นี้ไม่ต้องใช้ อาทิ ศัพท์เข้ามา เพราะคำว่า เป็นต้นเป็นเพียงสำนวน การ