ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักการแต่งไทยเป็นมคธ ป.ธ.๙ ๓๐๗
: สิกขากามตาติ เอตฺถ สิกฺขาย กาเมตติ สิกขากาโม,
ตสฺส ภาโว สิกฺขากามตา ฯ สา ปนาย โลกสฺส เจว
ธมฺมสฺส จ สาตฺถิกา ฯ
๒. ในข้อความที่อธิบายข้อธรรมแต่ละอย่างให้ละเอียดยิ่งขึ้น
นิยมเติมข้อธรรมนั้นๆ ไว้ให้ครบก่อน แล้วจึงแยกแต่งทีละข้อธรรมทีหลัง
โดยใช้ศัพท์นิทธารณะและนิทธารณียะ เป็นตัวเชื่อมความ เช่น
: ตตฺริเม ปญฺจ สนฺธโย อุคฺคโห ปริปุจฉนา อุปฏฐาน
อปปนา ลักขณนฺติ ฯ ตตฺถ อุคฺคโห นาม กมฺมฏฺฐานสุส
อุคคณหน้า
๓. ในกรณีที่ข้อความมีอุปมาอุปไมยอยู่ด้วย ก่อนที่จะแต่งข้อ
ความอุปมาอุปไมยนั้น นิยมแต่งเติมสำนวนว่า “ตตุราย์ อุปมา” หรือ
“นิทสสน์ เจตฺถ ทฏฺฐพฺพ์” ไว้ข้างต้นก่อน เมื่อแต่งข้อความอุปมาหมด
แล้ว หากข้อความภาษาไทยไม่มีอุปไมยต่อ นิยมแต่งเติมประโยค
อุปไมยสั้นๆ ว่า “เอวํ สมฺปทมิทฯ” หรือ “เอว สมฺปทมิท ทฏฐพพฯ”
ต่อท้ายข้อความอุปมาไว้ด้วย เช่น
: จิตฺตมปน กิญจาปิ อาทิโต ยถาสภาเวน ปวตฺตติ อถโข
สมมาสมาธินา สาธุก ปริวตฺเต สกุกา โหติ ฯ
นิทสน์ เจตฺถ ทุฏฐพพ ฯ ยงกิญจิ ภัณฑ์ บุพเพว
อสุคนธ์ ปจฺฉา ปน สกุกา โหติ ปูน ปูน สุรภิวาเสน
สุคนธ์ กาตุ ฯ