ข้อความต้นฉบับในหน้า
๓๑๒ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙
ให้เหลือเพียงศัพท์เดียวในประโยคที่ไม่เต็ม
๓. ข้อความภาษาไทยที่มีความยาว แม้จะมีความสัมพันธ์เนื่อง
กัน ก็นิยมตัดตอนประโยคให้สั้นหรือเล็กลง โดยมีกิริยาคุมพากย์เป็น
ระยะๆ และไม่ต้องขึ้นบทประธานเข้ามาใหม่ ใช้สรรพนามแทนหรือเว้น
ไว้ในฐานที่เข้าใจก็ได้ แต่ควรพิจารณาให้ดีว่า จะตัดข้อความที่ตรงไหน
จึงจะเหมาะสม มิใช่ซอยประโยคจนสั้นทุกประโยคไป
๔. ก่อนจะตัดและต่อ ต้องพิจารณาแยกแยะประโยคให้ถี่ถ้วนก่อน
โดยเฉพาะพึงตีความออกมาให้เห็นแจ่มแจ้งเสียก่อน โดยใช้หลักวิชาทาง
ภาษาไทยที่กล่าวไว้แล้ว ในเรื่องประโยคภาษาไทย ว่าประโยคจบแค่
ไหน ความตอนใดเข้ากับความตอนใด หรือขยายความตอนใด ควร
เป็นเอกรรถประโยค หรืออเนกรรถประโยค หรือสังกรประโยค
๕. การต่อประโยค นิยมเชื่อมความให้เนื่องกันด้วยศัพท์นิทธารณะ
นิทธารณียะบ้าง ด้วยนิบาตบ้าง เพื่อให้เกิดความสละสลวยทางภาษา
อนึ่ง ในเรื่องการตัดความนี้ มีข้อที่ต้องคำนึงอยู่คือ เนื้อ ความ
ที่เหลือจากที่ตัดแล้วจะต้องมีใจความสมบูรณ์ และจะต้องต่อกับความ
อื่นในประโยคเดียวกัน หรือระหว่างประโยคได้สนิทและเนื่องกันด้วย
มิใช่
ตัดและต่อแล้วมีใจความไม่ต่อเนื่องกัน เข้ากันไม่ได้กับความอื่นและ
ประโยคอื่น จึงต้องใช้วิจารณญาณและความฉลาดในภาษาเป็นอย่างมาก
จึงจะสามารถตัดต่อความอย่างนี้ได้ เพื่อความเข้าใจชัดยิ่งขึ้น ขอให้
ศึกษาจากตัวอย่างต่อไปนี้
ไทย : ความดำรงทรงตัวอยู่ได้ของพระบวรพุทธศาสนาก็ดี