ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักการแต่งไทยเป็นมคธ ป.ธ.๙ ๓๓๕
เกือบจะทุกตอนของเนื้อความ แต่ความนิยมทางภาษามคธที่ท่านแต่ง
ไว้ในปกรณ์ต่างๆ สามารถเห็นเป็นข้อสังเกตได้ว่า ท่านพิถีพิถันในการ
ใช้ประโยค ย ต มาก จะใช้ก็ต่อเมื่อจำเป็นและต้องการจะเน้นเนื้อหา
ตอนนั้นเท่านั้น ท่านไม่นิยมแต่งประโยค ย ต พร่ำเพรื่อซ้ำซ้อนจน
ดูเพื่อไป แม้ว่าเนื้อความตอนนั้น จะสามารถแต่งเป็นประโยค ย ต
ได้ก็ตาม เมื่อหลีกเลี่ยงได้ท่านก็หลีกเลี่ยง แต่งให้เป็นวิเสสนะธรรมดาเสีย
จึงทำให้สำนวนมคธที่ท่านแต่งไว้สละสลวย ไม่รุงรังด้วย ย ต และ
ประโยคก็กระทัดรัด ไม่ยืดยาวโดยใช่เหตุ เพราะฉะนั้นจึงควรยึดถือ
แบบของท่านไว้เป็นเกณฑ์ ไม่ควรแต่งประโยค ย ต โดยไม่จำเป็น เช่น
ไทย : ภิกษุผู้มีศีลรูปนั้นกำลังเดินมา ฯ
มคธ : โย ภิกขุ สีลวา โหติ, โส อาคาฉติ ๆ (ไม่จำเป็น)
เป็น : โส สีลวา ภิกขุ อาคจฺฉติ ฯ (เท่านี้ก็พอแล้ว)
แต่ในกรณีที่ต้องการจะเน้นความ แม้ประโยคจะสั้น ก็สามารถ
แต่งได้ เช่น
ไทย : ภิกษุผู้มีศีล ย่อมสมควรได้รับการยกย่องนับถือ ฯ
มคธ : โย ภิกขุ สีลวา โหติ, โส สมมานน์ อรหติ ฯ
(ต้องการเน้นเฉพาะภิกษุผู้มีศีลเท่านั้น)
หรือ : สีลวา ภิกขุ สมมานน์ อรหติ ฯ
(แค่นี้ก็ใช้ได้ แต่ได้ความหมายว่า ภิกษุปกติทั่วๆ ไป)
ในกรณีที่แต่งประโยค ย ต ซ้ำซ้อนสับสนและเข้าใจยาก มี