ข้อความต้นฉบับในหน้า
หลักการแต่งไทยเป็นมคธ ป.ธ.๙ ๓๓๓
แต่ก็เป็นไปในลักษณะตามแบบคือเข้าใจและจำได้ตามแบบเท่านั้น เมื่อ
คิดแต่งเองโดยที่ไม่เคยเห็นแบบมาก่อน ย่อมจะมีความลำบากพอ
สมควรเพราะจะต้องตีความให้แตก แยกประเด็นเนื้อความให้ออกก่อน
ว่าตอนใดควรจะแต่งรูปประโยค ย ต ตอนใดไม่ควรเพราะไม่จําเป็น
ดังนั้น จึงแยกมากล่าวไว้โดยเฉพาะอีกส่วนหนึ่ง
ขอให้นักศึกษาพลิกกลับไปทบทวนเรื่องสังกรประโยค ทั้งในภาษา
มคธและในภาษาไทยที่แสดงไว้แล้วในบทต้นๆ ให้เข้าใจให้ดีก่อน เพื่อ
จะได้ทำความเข้าใจในเรื่องการปรุงประโยค ย ต ตรงกัน กล่าวคือ
ประโยค ย ต หรือสังกรประโยคนี้ ประกอบด้วยส่วนของประโยค ๒
ประโยค คือ ประโยค ย เรียกว่าอนุประโยค หรือประโยคย่อย ทำ
หน้าที่ขยายความ คล้ายกับเป็นวิเสสนะของบทที่ตนขยาย และประโยค
ต เรียกว่า มุขยประโยค หรือประโยคใหญ่ ทำหน้าที่เป็นประโยคประธาน
ในการตีความและปรุงแต่งให้เป็นประโยค ย ต ต้องอาศัยความชำนาญ
และความเข้าใจในภาษาไทยและภาษามคธรวมกัน ซึ่งก็แล้วแต่ความที่
กำหนดให้แต่งด้วย นักศึกษาจึงยึดหลักเบื้องต้น ดังนี้
๑. กรณีที่สำนวนไทยมีเนื้อความที่ยาว และสับสนวกวน และมี
บทขยายความมาก นิยมแต่งเป็นประโยค ย ต เพื่อแยกประโยคให้
ชัดเจนขึ้น
๒. เนื้อความตอนใดบ่งว่าขยายเนื้อความตอนอื่น ให้แต่งเนื้อ
ความตอนนั้นเป็น ประโยค ย ส่วนเนื้อความตอนอื่นให้แต่งเป็น
ประโยค ต