หลักการแต่งประโยคในมคธ คู่มือวิชาแปลไทยเป็นมคธ ป.ธ.๔-๙ วิชาแต่งไทยเป็นมคธ ป.ธ.๙ หน้า 345
หน้าที่ 345 / 374

สรุปเนื้อหา

บทความนี้อธิบายหลักการแต่งประโยคในมคธ โดยเฉพาะการใช้ประโยค เจ สเจ ยที ที่มีความสำคัญในการสร้างประโยคเงื่อนไข ซึ่งประกอบด้วยประโยคที่เชื่อมโยงกัน โดยความตอนแรกที่เป็นเงื่อนไขจะต้องปรุงเป็นประโยค เจ สเจ ยติ และความตอนหลังที่เป็นผลอาจจะแปลได้ตามความหมายที่พึงประสงค์ นอกจากนี้ยังมีการอธิบายว่าการวางตำแหน่งของคำต่างๆ ในประโยคจะมีผลต่อความหมายและการสื่อสาร เช่น วาง เจ ไว้เป็นที่สอง และ สเจ หรือ ยที ไว้ต้นประโยค จะทำให้ความหมายชัดเจนยิ่งขึ้น โดยการใช้กิริยาที่เกี่ยวข้องก็จะเลือกใช้ขึ้นอยู่กับความแน่นอนของเงื่อนไข ประเด็นเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับผู้ที่ศึกษาหรือสนใจในมคธและต้องการทำความเข้าใจในการแต่งประโยคให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์.

หัวข้อประเด็น

-หลักการแต่งประโยคในมคธ
-การใช้ประโยคเงื่อนไข
-การวางตำแหน่งคำในประโยค
-การเลือกใช้กิริยา
-ความแน่นอนของเงื่อนไข

ข้อความต้นฉบับในหน้า

มคธด้วยประโยค เจ สเจ ยทิ หลักการแต่งไทยเป็นมคธ ป.ธ.๙ ๓๒๙ ๒. ประโยค เจ สเจ ยที จะต้องมีสองประโยคติดต่อกัน คือ ความตอนแรกที่เป็นเงื่อนไข ปรุงเป็นประโยค เจ สเจ ยติ ความตอน หลังที่เป็นผล ปรุงเป็นประโยคปกติ เวลาแปลในประโยคเงื่อนไขจะ แปลว่า “ถ้า (ถ้าว่า...............” ส่วนประโยคหลังก็แล้วแต่ความ ๓. ถ้าปรุงประโยคด้วย เจ จะต้องวาง เจ ไว้เป็นที่สองของ ประโยค จะวางไว้ต้นประโยคไม่ได้ ตามหลักการเรียงนิบาต ๔. ถ้าปรุงประโยคด้วย สเจ หรือ ยที ต้องวาง สเจ หรือ ยที่ ไว้ต้นประโยค จะวางไว้เป็นที่สองไม่ได้ ตามหลักการเรียงนิบาต เช่นกัน ๕. กิริยาที่ใช้กับประโยค เจ สเจ ยา ตามปกติประกอบด้วย สัตตมีวิภัตติ หรือ วัตตมานาวิภัตติ ในกรณีใดปรุงด้วยวิภัตติอะไรนั้น ไม่มีกำหนดแน่นอน แต่พอจะสังเกตความนิยมที่ท่านใช้ในปกรณ์ทั้ง หลายได้ว่า ถ้าเงื่อนไขที่กล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องจริง อาจเป็นจริง เป็นไป ได้ หรือมีเนื้อหาบ่งความแน่นอน วัตตมานาวิภัตติ นิยมใช้กิริยาที่เป็น - ถ้าเงื่อนไขที่กล่าวถึงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่แน่ใจ ไม่แน่นอน หรือ เรื่องที่ตั้งสมมติฐานเอาว่า ถ้าเป็นอย่างนั้น อย่างนี้จะเกิด ขึ้น ซึ่งอาจจะไม่เกิดอย่างนั้นก็ได้ ข้อความเช่นนี้ นิยมใช้ กิริยาที่เป็นสัตตมีวิภัตติ
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More