ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิทยฐิมรรแปล ภาค ๑ ตอน ๑ หน้าที่ 75
ว่ามีอธิมิติ (ความตัดสินใจ) เป็นปัจจุบันฐานก็ได้ มีสติไชวามติวัดอุด
(วัดผู้เป็นที่ตั้งแห่งความเชื่อ) เป็นปฐมฐาน หรือว่ามีโสดาปัตติยคะ
มีสัทธิมสามณะเป็นต้น เป็นปฐมฐานก็ได้
สัทธา บัญฑิตพึงเห็นว่าเป็นเหมือนมิติ เหมือนทรัพย์ และ
เหมือนพีฉะฉ นั้นน่ะ
[๑๐ สติ]
บุคคลทั้งหลายย่อมระลึกได้ด้วยธรรมชาตินั้น เหตุนี้ ธรรมชาตินั้นจึงชื่อสติ (แปลว่าสติเป็นเหตุระลึกได้) น่าหนึ่ง ธรรมชาติน่ะอ่อนระลึกได้เอง เหตุนี้ ธรรมชาตินั้น จึงชื่อสติ (แปลว่าธรรม
ชาติอันระลึกได้) น่าหนึ่งธรรมชาตินั้นน่ะว่าเป็นอันระลึกได้เท่านั้น
เหตุนี้ ธรรมชาตินั้นจึงชื่อสติ (แปลว่าความระลึกได้)
สติ่น มีความไม่ใจอ่อนเป็นลักษณะ มึนทำให้ลงลึกลมเป็น
รส มีอ้อมครอง (ใจ) ได้เป็นปัจจุบันฐาน หรือมีความเป็นเหตุ
มุงหน้า (จดจำ ต่ออารมณ์ (ของจิต) เป็นปัจจุบันฐานได้ มี
๑. อภิรมณ์ มหัศจิ กา แล้วรนโย - ตัดสินใจ ตั้งใจ ยึดถือไชวามติเป็นหลัก
เป็นฝ่ายกุศล เป็นกิริยาต่อสิทธิยา ไม่ใช่อธิปามิฤกตันที่เป็นเวลาปกะ (เป็นบุคคลก็ได้
อุกคลีได้?)
๒. สัทไวยัตคุด มหัศจิ กาไว้ ๓ คือ พระรัตนตรัย กรม และผลของกรรม
๓. โสดาปัตติยคะ ๔ คือ สัปปุรสัสสะนะ สัทธิมสามะนะ โยนิโสมณิการา ธัมมาน- thamman- ธัมปฏิบัติ
๔. มหาภิญญาขยายความว่า สัทธาเหมือนมือ ในกรณีอธิฏฐานกุศลธรรมทั้งหลายได้ เหมือน
ทรัพย์ ในกรณียังสมบัติยังปวงได้นิพร้อม เหมือนพัช ในกรณีผลดีดุกผลคำที่เป็น
อมคะ