วิวัฒนาการเปล ภาค ๑ ตอนที่ 103 วิสุทธิมรรค ภาค 3 ตอน 1 หน้า 104
หน้าที่ 104 / 405

สรุปเนื้อหา

ในบทกรุณวดิวัฒนาการเปล ภาค ๑ ตอนที่ 103 กล่าวถึงความเข้าใจเกี่ยวกับการจำแนกรูปภายในและภายนอก โดยมีกระบวนการคิดที่สำคัญคือนัยน์ของรูปที่เป็นปัจจุบัน อดีต และอนาคต และการใช้ศัพท์ที่แตกต่างกันในการอธิบายภายในและภายนอกเพื่อลึกซึ้งในพระธรรม อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดนี้ไม่มีการแบ่งแยกชัดเจน ซึ่งทำให้การศึกษาเข้าถึงสภาวะทางธรรมที่อยู่ในตัวของแต่ละคนและการเชื่อมโยงกับผู้อื่น โดยในบทนี้ยังแสดงถึงการแบ่งประเภทของรูปลักษณะต่าง ๆ อันเป็นไปตามหลักทฤษฎีที่สำคัญในพุทธศาสตร์.

หัวข้อประเด็น

-วิวัฒนาการเปล
-รูปภายในและภายนอก
-การจำแนกประเภทธรรม
-พุทธศาสตร์และการศึกษา
-ความสัมพันธ์ระหว่างอดีต อนาคต และปัจจุบัน

ข้อความต้นฉบับในหน้า

ประโยค - วิวัฒนาการเปล ภาค ๑ ตอนที่ 103 อย่างเดียวย ไม่มีปิราม ยถา ที่เหลือ มีปิราม ประเภทรูปภายในการและรูปภายนอก มีนัยดังกล่าวมาแล้วนั้นแ ถึงว่า ในสุดตนเองนี้ พึงทราบว่า แม้ว่ารูปนี้อาจอยู่ในตนของตน ก็จัดเป็นภายใน และแม้ว่ารูปนี้เป็นของบุคคลอื่น ก็จัดเป็นภายนอกด้วย ประเภทรูปหยาบ และรูปละเอียด มีนัยดังกล่าวแล้วเหมือนกัน ประเภทรูปเลว และรูปประณีต เป็น ๒ คือ เป็นรูปเลวและ ประณีตโดยเรียบ ๑ (คือแยกเป็นขั้น ๓ ) โดยแบ่ง เป็น ๑ (คือ ๑. มหาภิกท่านว่าคำว่า “ก่อนนั้นจัดเป็นอนาคต หลังนั้นจัดเป็นอดีต” ในขณะก็ก่อนนั้น เป็นคำไม่มีปิราม Because ไม่มีความแตกต่างเหมือนอย่างในอธิกรณ์ ยังอยู่ โดยอธิกรณ์เป็นต้น มีปิราม คือแยกกันได้เป็นประเภท ๆ อธิธรรมมีอย่างหนึ่ง อนาคตธรรมมีอย่างหนึ่ง ปัจจุบัน ธรรมมีอย่างหนึ่ง เช่นว่ารูปก่อนปฏิจจสมุปปุเทเป็นประเภทหนึ่ง จัดเป็นอดีต รูปแต่จุดไม่ก็เป็น ประเภทหนึ่ง จัดเป็นอนาคต รูปในระหว่างปฏิญและจุด ก็มีเป็นประเภทหนึ่ง จัดเป็นปัจจุบัน แต่เมื่อใดกะนะ หามีอะไรที่จะเแยกประเภทธรรมอย่างนั้นไม่ได้ มีแต่เเบกอากาศเท่านั้นเอง คือก่อน เกิดเป็นอนาคต กำลังเป็นไปอยู่ในขณะ ๓ เป็นใจกลาง ๓ ไปแล้วก็เป็นอดีต เพราะ ฉะนั้น จึงว่าไม่มีปิราม เพราะไม่มีรูปที่พูดกล่าวว่าเป็นอดีตนาก โดยอธิยบายอะไรสัก อย่างเหมือนอย่างอธิฐานเลย 2. มหาภิกท่านอธิบายว่า ความที่ว่าภายในภายนอกนั้น มีศัพท์ใช้ ๒ คู่ คือ อุมาตกิ เค้า กับพาหิร คู่หนึ่ง อุมาตกิ กับพหิรทู ตามนั้น แปลว่าภายในและภายนอกเหมือนกัน แต่ใช้หมาย ความต่างกันก็มี เช่นชุดก็ติศศัพท์ (ที่ใช้นาคำวาอยตนภายใน) ย่อมหมายเอาเท่ากับของมีจุก เป็นต้นที่เป็นไปในสัตตานะของตนและคนอื่น พาทิศศัพท์ (ที่ใช้ในคำว่าอยตนตนะภายนอก) ก็ หมายเอารูปเป็นต้นของตนและของผู้อื่น ส่วน อุมาตกิ ศัพท์ เช่นที่ไว้ในนี้ ย่อมหมายเอา สิ่งที่เป็นรูปล้อนเป็นไปในสันตนาของตนแห่งสัตว์นั้นๆ เท่านั้น ส่วนพหิรทูศัพท์ก็มาหมายถึงสิ่งที่เป็น รูปเป็นไปจากของตน เพราะฉะนั้น อุมาตกิศัพท์และพหิรทูศัพท์นี้ จึงไม่เหมือน อุมาตกิศัพท์ และพหิรทูศัพท์ที่กล่าวแล้วว่าเป็นเดียว
แสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก
Login เพื่อแสดงความคิดเห็น

หนังสือที่เกี่ยวข้อง

Load More