ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิวัฒนาการเปลภ คต ตอน ๑ -หน้าที่ 330
และแห่งเหล่าสัตว์อัณฑะก็นิยมที่ยังไม่แสดงภาวะ สันติสีสล (คือ รูปลาบชี้เป็นต้นเป็นมูลแห่งการสืบต่อ) ๒ โดยเป็นรูปลัวอำนาจแห่งวัตถุทูละ (หมวดรูป ๑๐ ทั้งหัน) และกลายทะสละ (หมวดรูป ๑๐ ทั้งกายประสาท) กับอธิปนธ์ ๓ ย่อมเกิดปรากฏขึ้น โดย กระจายรูปเหล่านั้นออกไป (ก็) ธรรม ๒๓ คือ (รูป) ธรรม ๒๐ โดย เป็นรูปปรก (คือรูปที่สำเร็จแล้ว) กับอธิปนธ์ ๑ นั่น (เหลละ) บันทึกพิมพ์ทราบว่า นามรูป อันมีเพราะปัจจัยคือวิญญาณ แต่โดย ถือเอาแต่รูปที่ยังไม่ได้เอา (คือถือเอาแต่ที่ไม่ชักนำ) ชักปรธรรม ๔ จากสันติสีสละหนึ่งออกเสียดิ (เหลizo) ๑๔ เพิ่มกวาสะ (หมวด รูป ๑๐ ทั้งกวาสะ) สำหรับสัตว์ที่มีภาวะ (แล้ว) เข้าก็เป็น ๑๓ อันดับ โดย ถือเอาแต่ที่ยังไม่ได้เอา ชักปรธรรม ๑๓ จากสันติสีสละ ๒ หมวด ออกเสียดิอีกที (เหลizo) ๑๕ (ชื่อว่า วิญญาณปัจจุบา นามรูป สำหรับ สัตว์ ๒ กำเนิดนั้น) ส่วนในเหล่าสัตว์โอปปาติจะกำเนิด เหตุที่ในปฏิสนธิณะแห่ง
· ในคำนี้ที่ท่านบัญญัติว่าเรียกรูปกลาบว่า “สันติสีสละ รูปกลาบนั้นตั้งด้วยอัฏฐกะ (หมวด ๘) คือ ดิน น้ำ ไฟ ลม สา โอชา เรือกว่าวิญญิโกลุคุ - แก่กันหรือคลอดไม่ได้ มีดี เพิ่ม ลำหรับอุปณิทุนรูป เริ่มด้วยเพิ่มชีวิตเข้า ที่นี้เป็นนวะ (หมวด ๕) เรียกว่า ชีวิตนวะ (หมวดรูป ๕) ทั่งชีวิต อนุวะก็อีรยก แปลว่า - คือ ทั่งอายุ) ต่อไปตั้งชีวิตนวะเป็นหลัก เพิ่ม รูปต่าง ๆ เข้ามัน ๑๐๐๐,๑๒๐,๑๓๓๙ เป็นต้นเพิ่มวัตถุคือทับเข้ามาเป็นวัตถุกละ - ๑๐ ทั้งวัตถุ เพิ่มภาวะคือเฟดเข้าเป็นวัตถุกละ - ๑๐ ทั้งวัตถุ เพิ่มญาณประสาทเข้าเป็นจักฎุกละ - ๑๐ ทั้งจักฎุ ฯลฯ ดังนั้นรูป ๕ คือ อวิชชาโกลุคุ ๙ กับชีวิตรูป จึงมีกันทั้งหลาก สำหรับอุปทิน-รูปในกำเนิดครรภ์ใยกะและอันตกะ