ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค- วิภัชิมตราแปลง ภาค ๑ ตอน ๑ หน้า ๕๑
โลกะเป็นต้น ชื่อเหตุณ อนเหตุนนี่ ๔ คือ จักขุวิญญาณ
โสต... มาน... ชิวหา... กายวิญญาณ มิโนธุอันทำหน้าที่สัม-
ปฏิสนธินะ(รับอารมณ์) และมโนวิญญาณธาตุ ๒ อันทำหน้าที่
สันติสนะ (สอบสวนอารมณ์) เป็นต้น
ในเหตุทุกข์คล้ายวาก ๔ นั้น จักขุวิญญาณ มือนอภัยอัญญ์
แล้วรู้แจ้งรู้สู้เป็นลักษณะฯ มือนั้นทำแต่รูปอย่างเดียวนำให้เป็นอารมณ์
เป็นรส มีความเป็นธรรมชาติมุ่งหน้าต่อรูป (อย่างเดียว) เป็นปัจจุบัน-
ปฐมฐาน มีอันไปปรากฏแห่งกิริยามโนธุติเป็นอารมณ์ (ที่เรียก
อีกอย่างว่า อาวิชะริด) เป็นปฐมฐาน
โสต---มาน---ชิวหา--กายวิญญาณ มีอำนัยโสตะเป็นต้น
แล้วรู้แจ้งซึ่งเสียงเป็นอานิมนะ มีอันทำแต่เสียงเป็นต้นอย่างเดียว
ให้เป็นอารมณ์เป็นรส มีความเป็นธรรมชาตุมุ่งหน้าต่อเสียงเป็นต้น
เป็นปัจจุบัน มีอันปราศไปแห่งกิริยามโนธุติทั้งหลาย อันมีเสียง
เป็นต้นเป็นอารมณ์ เป็นปฐมฐาน
มโนธุต มีอันรับแจ้งซึ่งอารมณ์มีรูปเป็นต้น ในลำดับแห่งวิญญาณ
๑. ที่คล่องลื่นและหยุดของมันเป็น “สัมปฏิฉันนะ” รูปวิริยิกา แต่ที่จริงครรเป็น
นาวิกิด คือเป็น “สัมปฏิฉานะ” อย่างที่ท่านใช้ในที่นี้ เพราะมีเพื่อนเทียบอยู่เป็นแถว
คือ อาวีชะนะ สันติสนะ โวตุ้พนะนะ ชนะ
๒. จกขุสนิสสุสัตูปริวรรต...มาหาภิกาแก้วว่า จกขุสนิสสุติสุทิฏฐิฐ หลวง ภูรัปพนะ ชนะ
วิญญาน.. ซึ่งก็คือจากตามแนวพระสบกับว่าจกขุ ญาณ ปฏิจฉา รูป อุปปชฌติ จกขุ-
วิญญาณ นั่นเอง
๓. นี้กล่าวโดยลำดับแห่งวิชิต เมื่ออาวีชะนะดิวิริยะไปปราศ คืออนุไปแล้ว
ปัญญาวิญญาณจึงจะเกิด
๔. นั่นเดียวกับ เชิงอรรถ ๒