ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิถีธรรมกรมเปล่า ตอน ๑ - หน้าที่ 125
ความ (แห่งศัพท์) สปลปิ - ถูกส่งออกไปว่า ถูกปล่อยขึ้น (ให้เป็นสิ่งที่รู้ได้ทางโสต)
ธรรมชาติโดนอสุก (กลิ่น) ได้ เหตุนี้ ธรรมชาตินั้นจึงชื่อ มานะ ส่งไดยอมฟังไปได้ เหตุนี้ สิ่งนั้นจึงชื่อ คันธ (กลิ่น)
ความ (แห่งศัพท์) คณะชติ - ฟังไป) ว่า สื่อที่อยู่ของตน
ธรรมชาติโดยย่อมเรียกชีวิต เหตุนี้ ธรรมชาตินั้นจึงชื่อ ชิวหา
สัตว์ทั้งหลายย่อมชอบใจซึ่งวิสัยนั้น เหตุนี้ วิสัยนั้นจึงชื่อ รส (วิสัยเป็นที่ชอบใจแห่งสัตว์หลาย) ความ (แห่งศัพท์) รสญาติ- ชอบใจ) ว่า ยินดี (รู้สึกอร่อย)
ธรรมอันชื่ออากาย เพราะเป็นอายะ (ที่มา)แห่งอจินตรธรรม
(ธรรมลา) คือสาสธรรม (ธรรมที่เป็นไปบ่ออาเสว) ทั้งหลาย
คำว่า อายยะ (ที่มา) ได้แก่อากาศ
สิ่งใดถูกต้องได้ (ด้วยกาย) เหตุนี้ สิ่งนั้น จึงชื่อ โผฏฐัพพะ
สภาพใดอ่อนๆ เหตุนี้ สภาพนั้นจึงชื่อ มนะ สภาพทั้งหลายใด ย่อมทรงไว้ซึ่งลักษณะของตน เหตุนี้ สภาพทั้งหลายนี้จึงชื่อ ธรรม
[แก้เอาตนศัพท์โดยแยกอาวะ]
แต่ (เมื่อว่า) โดยว่าแปลกกัน พึงทราบว่าทรวาและอารมณ์ มีจักษุและรูปเป็นต้นนั้น ได้ชื่อว่า อายตนะ เพราะเป็นที่สืบต่อ ๑ เพราะเผ่าผลหลาย ๑ เพราะนำอาตะไป ๑
ตามนี้มหาหิติว่า สาสธรรมในที่นี้เหมือนหมายเอากามระคะเท่านั้น ท่านว่า บรรดามนทะชิหานและกาย ซึ่งเป็นปัจจัยของกามระคะนั้น กายเป็นปัจจัยยิ่งกว่า เพื่อน เพราะฉะนั้นตัวทั้งหลายเมื่อนเป็นความสุขในโพธิสุทธิ จึงถึงกับเสพเมถุน อันนับเป็นจิตจรรยาได้