ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิถีมีกรรมแปลก ตอน ๑ หน้า 356
เวทนา จึงเป็นปัจจัยแห่งทุกข์ได้ทั้ง ๑ แต่
เพราะว่าตนหา ซึ่งพระมหาอยู่เจ้ารัสไล่
ในบทว่า เวทนา ปล่อยจอ ตนุว นั้น แม้
มีเวทนาเป็นปัจจัย (แต่) เวลอนุสัย
เสียด มันก็ไม่มี เพราะฉนั้น มันจึงไม่มี
แก่พราหมณ์ (คือสมณะ) ผู้อยู่บรรพพรหม
วรรษแล้ว
นี้เป็นถาวอย่างพิสดารในบทว่า เวทนา ปัจจยา
เนื่องมาแต่ปฐมนาถึงว่า เมื่ออัตตาเป็นสิ่งที่มันขึ้นเพราะปัจจัยคือเวทนา พระ
ครหาเอ็งก็มีเวทนาเหมือนกัน ถ้าจะนะ พระครหาเดี๋ยวมีบ้างหรือยัง? ในที่นี้ท่าน
จึงแก้ไว้ ถึงมีเวทนาเป็นปัจจัย แต่ไม่มีสิทธเป็นอันตรั ดนหาไม่เกิด เพราะฉนั้น
ดินแดนจึงไม่มีแก่พระอรหันต์
มหาภูติช่วยอธิบายว่า ที่ท่านกล่าวเช่นนี้ ก็เพื่อจะห้ามความประสงค์ว่ามันเป็นปัจจัยแล้ว ดินหา ต้องเกิดแน่นอน เพราะบ่าวัวยังนั้น (คือ เวทนา ปัจจยา
- เวทนาอันอุสัยเป็นสหาย จึงเป็นปัจจัยแห่งต้นหา เพราะฉนั้น จะค้านความประสงค์
นั่นอย่างไรได้? แล้วก็ มีเช่นนั้นแหละ เรื่องนี้พระองค์ครดำเนินเรื่องวัฏฎะ อันวิัฏฐนัน
ปราศจากอุปัสสะแล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉนั้น ความมึงอยู่ในตัว ว่ามันก็ต้อง
เป็นเวทนาที่ประกอบด้วยอนุสัยนั้นแหละ จึงเป็นปัจจัยแห่งต้นหา อึกประกาศหนึ่ง
มันจึงเป็นสายบานแต่ดัวิชาะ มันก็ย้อมมืออุสัยประคอบอยู่เอง หนึ่ง บาลีบทนี้
กิขนหนความแกว่า ต้นนิมิมเพราะปัจจัยคือเวทนา วันเวนเสื่อมก็ไม่มีมันห
หาใช้เทคนิคดีค่าว่า มีเวทนาเป็นปัจจัยแล้ว ต้นนาท้อง มีดังไม่