ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค - วิทยาธรรมแปล ภาค ๑ ตอน ๑ หน้า 7
[ปัญญา ๒]
ในส่วนแห่งปัญญาที่เป็น ๒ อย่าง (เมื่ออธิบายดังนี้)
(ในทุกข์ที่ ๑) ปัญญาเป็น ๒ อย่าง โดยเป็นโลภิคะ และโลภครัง
ดังนี้คือ ปัญญาที่สัมปุญญด้วยโลภิมรรเป็นโลภิคปัญญา ปัญญาที่
สัมปุญญด้วยโลภุตรธรรมรร เป็นโลภิคปัญญา ปัญญาที่
ในทุกข์ที่ ๒ ปัญญาที่เป็นอารมณ์แห่งอาสะทั้งหลาย (คือสนับ
สนุนอาสะ) เป็นสาวติปัญญา ปัญญาที่ไม่เป็นอารมณ์แห่งอาสะ
เหล่านั้น (คือไม่สนับสนุนอาสะ) เป็นอนาวะปัญญา ก็ปัญญา ๒ นี้
โดยเนื่องความก็เป็นโลภิคปัญญาและโลภุตรปัญญาบัญนเอง นัยแม้ใน
สาวทุกข์อื่นเช่นว่า ปัญญาที่ประกอบกับอาสะ เป็นสาวติปัญญา
ปัญญาที่ไม่ประกอบกับอาสะ เป็นอนาวะปัญญา ดังนี้ก็อดี ก็ดูอันนั้น
(คือ โดยความก็เป็นโลภะโลภุตรเหมือนกัน) ดังนี้ ปัญญาเป็น ๒
อย่าง โดยเป็นสาวติและอนาวะ
ในทุกข์ที่ ๓ ปัญญาเป็น ๒ อย่าง โดยเป็นนามวัฏฏะนะ
และรูปวัฏฏะนะ ดังนี้ คือ ปัญญาในการกำหนดครูปบัณฑ์ ๔ แห่ง
ภิกฌูใดจะร่ม (ดำ) วิปสานอันใด ปัญญาอันนี้ เป็นนามวัฏฏะนะ-
ปัญญา ปัญญาในการกำหนดครูปบัณฑ์ ๔ (แห่งภิกษุผู้นั้น) อันใด ปัญญา
อันนี้ เป็นรูปวัฏฏะปัญญาในทุกข์บาาปปัญญา
ในทุกข์ที่ ๔ ปัญญาเป็น ๒ อย่าง โดยเป็นโลมมัสสกะคระ และ
อุบากาขสกะตะ ดังนี้คือ ปัญญาในกามวารกฤตลิต ๒ คง และใน
มรรคจิตที่เป็นไปในอุตถวนา โดยปัญญากมน์ ๑ คง เป็นโลมมัสสกะคร-