ข้อความต้นฉบับในหน้า
ประโยค- วิชาธรรมกถา(ภาค ๓ ตอน ๑ หน้า ๒๙๕)
ฉันใดดีฉันเคยคนเคยผู้ท่องเที่ยวอยู่ในสงสารไม่มีผู้
ชักนำ ลากคราวก็ทำบุญ ลากคราวก็ทำกรรมมีให้
บุญบ้างฉันนั้น ต่อเมื่อใดข้าจักรัฐธรรมแล้วรัฐภัย
สั่งดูได้ เมื่อฉันนั้น เพราะวิชชาสงบไป เขาจึงจักษิ
เป็นอุปสัมบันในบุคคลไปได้
นี้เป็นวิชชากถาในบทว่า วิชชาปจญา สงบจรรา
[แก่นะ สงบจรรา วิจาณา]
(ต่อไปนี้เป็น) วิชชากถาในบท สงบจรรา วิจาณา
กล่าวว่า วิญญาณ ได้แก่วิญญาณ ๖ มีคุณวิญญาณเป็นต้น ใน
วิญญาณ ๓ นั้น จักวิญญาณ มี ๒ อย่าง คือ จักวิญญาณเป็นคุณคน(๑) เป็นอุคคลิมาก(๑) โสตวิญญาณ มานวิญญาณ ชิวหา-
วิญญาณ กายวิญญาณก็ต่างกัน มโนวิญญาณนี้คือ มโนธาตุ ๒
เป็นกุศลวิญญาณและอกุศลวิญญาณ มโนวิญญาณธาตุเป็นอหนอฤๅ ๓ กาม-
วารวิบากิจเป็นสกฤตุ ๕ รุปาวจิต ๕ อุปปาวจิต ๕ ดังนี้
ซึ่งเป็นอันรวมวิญญาณฝ่ายโลภะทางวิญญาณ ๓ นี้ ทั้งหมดด้วย
กันได้ ๑๒ ส่วนวิญญาณฝ่ายโลภะว่าทั้งหลายไม่เป็นไปกว่าด้วย
วิญญาณ เพราะฉะนั้นจึงไม่ถือเอา
ในบทว่าวิญญาณมีเพราะปัจจัยคือสังขารนั้น หากมีคำถามว่า
"ก็ฉันจะพึงราบได้อย่างไร วิญญาณมีประกอบดังกล่าวมานี้ มีฉัน
-ปฐะเป็น วิชาธรรมกถา เข้าใจว่า มู่ผี เกิน เพราะขัดกับศัพท์นาม อย่าข้างหน้า
และบทหลัง ๆ ต่อไปก็เป็น อง..วิชาธรรมก ถนั้น ในที่จึงแปลว่า มู่ผี ออก